DSI รับพิจารณา 8 คดีพิเศษ พร้อมโอนคดีฆ่าตัดตอนให้คกก.เฉพาะกิจทำแทน

          นายสุนัย มโนมัยอุดม อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ(กคพ.) ซึ่งมีนายชาญชัย ลิขิตจิตถะ รมว.ยุติธรรม เป็นประธาน มีมติให้รับเรื่องไว้พิจารณาเป็นคดีพิเศษ 8 เรื่อง โดยไม่รับคดีอื่นๆ อีก 54 เรื่องไว้พิจารณา
          สำหรับเรื่องที่รับไว้พิจารณาเป็นคดีพิเศษ ประกอบด้วย กรณีที่สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม(สมอ.) ขอให้ดำเนินคดีกับบริษัท โอ.จี.เอ็ม.กรุ๊ป จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผลิตผงซักฟอกที่ผลิตสินค้าไม่ได้มาตรฐานตาม พ.ร.บ.มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม และเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค, กรณีบุกรุกที่ดินป่าสงวนและออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบในพื้นที่ อ.เมือง จ.กระบี่ เนื้อที่ 2,000 ไร่,
          กรณีกลุ่มบุคคลเข้าไปบุกรุกที่ดินของรัฐในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าสบกกฝั่งขวา อ.เชียงแสน จ.เชียงราย โดยบุกรุกเข้าไปก่อสร้างสนามกอล์ฟเนื้อที่ 918 ไร่, กรณีการเสียชีวิตของนายรอน เรซิน นักท่องเที่ยวชาวอิสราเอล ซึ่งถูกแขวนคอตายหน้า สน.พระราชวัง ซึ่งเบื้องต้นเบื้องต้นพนักงานสอบสวนทำสำนวนว่าเป็นการฆ่าตัวตาย, กรณีกลุ่มผู้มีอิทธิพลและข้าราชการใน จ.ขอนแก่น สมคบกันช่วยเหลือบุคคลต่างด้าว เข้ามาค้ายาเสพติดในประเทศไทย ด้วยการจัดทำบัตรประชาชนสวมแทนคนตาย,
          กรณีบริษัท ริชมอนเด้(บางกอก) จำกัด สำแดงรายการอันเป็นเท็จ เพื่อเลี่ยงภาษีอากรนำเข้าสุราต่างประเทศมูลค่า 400 ล้านบาท, กรณีกรมการประกันภัยขอให้ตรวจสอบผู้บริหารของบริษัท สัมพันธ์ประกันภัย จำกัด มีพฤติการณ์กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ประกันวินาศภัย ค้างชำระเงินให้กับศูนย์บริการและอู่ซ่อมจำนวนมาก และ กรณีนางเกษมวรรณ สุริยุทธ ประกอบธุรกิจฟองซิเอร์โดยไม่ได้รับอนุญาต
          อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า สำหรับคดีฆ่าตัดตอนในช่วงรัฐบาลชุดก่อนที่ประกาศทำสงครามกับยาเสพติดนั้น กคพ.ให้ส่งสำนวนคดีไปให้คณะกรรมการอิสระตรวจสอบ ศึกษา และวิเคราะห์การกำหนดนโยบายปราบปรามยาเสพติดให้โทษ และการนำนโยบายไปปฏิบัติจนเกิดความเสียหายต่อชีวิตร่างกาย ชื่อเสียง และทรัพย์สินของประชาชน(คตน.) ดำเนินการแทน
          นอกจากนี้ กคพ.ยังได้เร่งรัดคดีสำคัญที่อยู่ระหว่างการสอบสวนของดีเอสไอ เช่น คดีอุ้มฆ่านายสมชาย นีละไพจิตร, คดีบริษัทเหล็กเส้นสำแดงรายการภาษีอันเป็นเท็จ ซึ่งนายสุนัยชี้แจงว่า สาเหตุที่ทำให้การพิจารณาคดีล่าช้า เพราะทุกคดีเป็นคดีแห้งที่มีการสอบสวนโดยหน่วยงานอื่นมาแล้ว ทำให้การสอบสวนหาหลักฐานใหม่ๆ ทำได้ยาก