นายปริญญา หอมเอนก ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์ กล่าวถึงกรณีแฮกเกอร์เข้าถึงข้อมูลคนไข้ของกระทรวงสาธารณสุขจำนวน 16 ล้านรายว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาเดิมๆ ที่เคยเกิดขึ้น และส่งสัญญาณว่าถึงเวลาที่ผู้บริหารด้านความมั่นคงและเทคโนโลยีต้องตื่นตัวให้ความสำคัญกับการมีมาตรการดูแลข้อมูลและปรับปรุงความปลอดภัยเครือข่าย มีงบประมาณและเครื่องมือที่ดีพอจะรับมือกับภัยคุกคาม การดูแลต้องทำให้ครอบคลุมทุกกลุ่มที่เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของรัฐ ไม่เฉพาะกลุ่มสาธารณะสุข แต่ต้องทำให้ครอบคลุม สถาบันการเงิน โทรคมนาคม พลังงาน ฯลฯ
"เราต้องเอาให้ความสำคัญกับไซเบอร์ซีเคียวริตี้ ต้องเอาความจริงมาพูดกันว่า ถึงเวลาหรือยังที่ต้องยกเครื่องไซเบอร์ซีเคียวรีตี้อย่างจริงจัง โดยปรับปรุงความมั่นคงไซเบอร์ใน 6 ภาคส่วนที่สำคัญ ไม่เช่นนั้นเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นอีก พอเกิดเรื่องเราจะมาบ่นว่าทำไมไม่ควบคุมทำไมไม่กำกับ หรือโทษว่าไม่มีงบประมาณไม่ได้ เรื่องนี้เป็นปัญหาระดับชาติที่ต้องแก้ปัญหา"
นายปริญญา กล่าวว่า ระบบรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ของโรงพยาบาลมีช่องโหว่ไม่เหมือนธนาคาร ในภาวะที่ต้องเผชิญกับปัญหาการระบาดของโควิด-19 ถ้ามีงบประมาณผู้บริหารโรงพยาบาลก็ต้องทุ่มเทเพื่อรับมือกับการดูแลประชาชน เอางบประมาณไปใช้กับเตียงกับยาไม่ใช่ความผิดปกติ แต่ความปลอดภัยไซเบอร์ก็ต้องมีความสำคัญ ดังนั้น ต้องมีงบประมาณเฉพาะที่มาดูแลไซเบอร์ซีเคียวริตี้ด้วย การรับมือคนโจมตีจะต้องตระเตรียมข้อมูลและระบบให้พร้อมที่จะรับมือการถูกโจมตี ต้องเข้ารหัสข้อมูล ต้องมีระบบป้องกันฐานข้อมูล