นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ในการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ชุดใหญ่ในวันพรุ่งนี้ (10 ก.ย.) กระทรวงสาธารณสุขได้เตรียมเสนอการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ในเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป ตามวัตถุประสงค์ในการฉีดเพื่อเป็นการป้องกัน ควบคุมโรคและสร้างภูมิคุ้มกัน ให้สามารถเปิดเรียนได้ตามปกติอย่างปลอดภัย โดยหลักเกณฑ์และเงื่อนไขให้คณะแพทย์เป็นผู้พิจารณา
นอกจากนี้ ได้เตรียมหารือฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเข็ม 3 ให้กับกลุ่มที่ต้องทำงานสัมผัสกับชาวต่างชาติ/นักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศไทย ในโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ และเพื่อใช้เป็นเข็มกระตุ้นสำหรับผู้ที่ได้รับซิโนแวคครบ 2 เข็ม คาดจะเริ่มฉีดต้นเดือน ต.ค.นี้ เนื่องจากจะมีวัคซีนเพียงพอ พร้อมยืนยันปลายปีนี้มีวัคซีนเพียงพอสำหรับทุกคน
ส่วนเรื่องการยกเลิก พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ยังไม่ทราบเรื่อง และยังไม่มีการหารือในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุขยังคงทำหน้าที่เฝ้าระวัง ป้องกัน และรักษาผู้ป่วยต่อไป
ทั้งนี้ ภายหลังรัฐบาลมีมาตรการเปิดกิจกรรม/กิจการ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ยังคงเข้มในการติดตามผู้สัมผัสเสี่ยงสูง เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ดูแลผู้ป่วยทั้งในโรงพยาบาล สถานที่กักตัวทั้งที่บ้านและชุมชน (HI/CI) และเร่งฉีดวัคซีนโดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงเพิ่มขึ้น เนื่องจากสถานการณ์ในประเทศไทยขณะนี้แนวโน้มผู้ติดเชื้อลดลง แต่จำนวนผู้เสียชีวิตยังสูง โดยเฉพาะกลุ่ม 608 พบอัตราการเสียชีวิตถึง 70-80%
นายอนุทิน กล่าวว่า ได้สั่งการให้กรมควบคุมโรค เร่งกระจายวัคซีนในต่างจังหวัด พร้อมกำชับคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเน้นฉีดวัคซีนให้กลุ่ม 608 ก่อน เพื่อลดอัตราการป่วยหนักและเสียชีวิต ส่วนในเขต กทม.ได้ฉีดกลุ่ม 608 เกือบครบ 100% แล้ว
"ขณะนี้วัคซีนมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ได้มอบนโยบายให้ผู้บริหารสาธารณสุข หาวิธีกระจายวัคซีนครอบคลุมทั่วประเทศ ให้มีการเร่งฉีดอย่างเต็มที่" นายอนุทินกล่าว