นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.ชุดใหญ่ ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธาน เห็นชอบให้คงระดับของพื้นที่สถานการณ์ไว้ตามเดิม คือ พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29 จังหวัด พื้นที่ควบคุมสูงสุด 37 จังหวัด และพื้นที่ควบคุม 11 จังหวัด
รวมทั้งให้คงมาตรการควบคุมโรค ทั้งเคอร์ฟิว ทำงานที่บ้าน (Work from Home:WFH) มาตรการควบคุมในการปิดสถานที่เสี่ยงต่างๆ ต่อไปจนถึง 30 กันยายนนี้ พร้อมเพิ่มความเข้มข้นในการควบคุม กำกับตามมาตรการ COVID Free Setting มาตรการควบคุมแบบบูรณาการในการปิดสถานที่เสี่ยงต่างๆ สื่อสารให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการ UniversalPrevention
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า ในที่ประชุมศบค.มีการนำเสนอการคาดการณ์ว่า หากเดือน ต.ค.แล้วมีการผ่อนคลายมาตรการทั้งหมด จะทำให้การติดเชื้อพุ่งขึ้นวันละ 3 หมื่น จึงยังจำเป็นต้องคงมาตรการทางสังคมตามเดิม แต่เพิ่มมาตรการป้องกันโรคส่วนบุคคล Universal Prevention และมาตรการทางสังคม การควบคุมการเดินทาง มาตรการองค์กร COVID Free Setting และตรวจคัดกรอง Antigen Test Kit (ATK) รวมถึงกรณีผู้เสียชีวิตก็ยังจำเป็นคงมาตรการเช่นกัน จึงจะทำให้ตัวเลขผู้เสียชีวิตลดลงได้
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวถึงกรณีที่ ผู้อำนวยการ ศบค. มอบหมายให้กระทรวงการคลังไปหาแนวทางให้ประชาชนทั่วไปและกลุ่มแรงงานเข้าถึงการตรวจ ATK มากขึ้นนั้น นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลังได้แจ้งในที่ประชุมว่า ถ้าผู้ประกอบการที่ไปซื้อชุดตรวจ ATK แล้วมีค่าใช้จ่าย สามารถลดหย่อนภาษีได้ 1.5 เท่าของค่าใช้จ่าย รวมถึงจะเพิ่มเงินในแอปฯเป๋าตัง ให้กับประชาชน เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนไปซื้อชุดตรวจ ATK ด้วยตนเอง