นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า ในเดือนต.ค. 64 ประเทศไทยมีแผนการจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 รวม 24 ล้านโดส ประกอบด้วย ซิโนแวค 6 ล้านโดส, แอสตร้าเซนเนก้า 10 ล้านโดส, ไฟเซอร์ 8 ล้านโดส โดยได้จัดทำหลักเกณฑ์และเป้าหมายการจัดสรรวัคซีนโควิดไว้ดังนี้
1. ดำเนินการให้ครอบคลุมประชากรทั้งหมดอย่างน้อย 50% ในทุกจังหวัด โดยแต่ละจังหวัดจะจัดสรรให้อย่างน้อย 1 อำเภอ มีความครอบคลุม 70% และมีต้นแบบ COVID free Area อย่างน้อย 1 พื้นที่ ซึ่งมีความครอบคลุม 80% โดยยังคงเพิ่มความครอบคลุมในกลุ่มผู้สูงอายุ, ผู้มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค และหญิงมีครรภ์ให้มากที่สุด ขณะที่ประชากรกลุ่มอื่นนั้น จะเป็นไปตามการพิจารณาจัดสรรของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด
2. ฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ให้ครบทุกคนที่ได้รับวัคซีนเข็มแรกไปแล้ว
3. ขยายกลุ่มอายุในการรับวัคซีนตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเปิดภาคเรียนที่ 2 ของปี 64
4. ฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 (เข็มกระตุ้น) ให้ผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนซิโนแวคครบ 2 เข็มในช่วงเดือนมี.ค.-พ.ค. 64
5. ฉีดวัคซีนในพื้นที่เศรษฐกิจ และควบคุมการระบาด
นพ.โอภาส กล่าวเพิ่มเติมว่า การฉีดวัคซีนเข็ม 3 ให้แก่ผู้ที่ได้รับซิโนแวคครบ 2 เข็มไปแล้วในช่วงเดือนมี.ค.-พ.ค.นั้น เนื่องจากในปัจจุบัน ผู้ที่ได้รับวัคซีนซิโนแวคไปตั้งแต่ช่วงระยะดังกล่าวจะเริ่มมีภูมิคุ้มกันลดลง จึงต้องฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้กับคนกลุ่มนี้ก่อน จากนั้นค่อยเรียงลำดับให้ผู้ที่ได้รับวัคซีนซิโนแวคครบ 2 เข็มในเดือนถัด ๆ ไป อย่างไรก็ดี หากได้รับการจัดสรรวัคซีนมากกว่าเป้าหมาย ก็จะสามารถปรับแผนให้มีความยืดหยุ่นได้
"แผนในเดือนต.ค.นี้ จะเป็นการจัดสรรวัคซีน 24 ล้านโดส โดยจะทำให้ประชาชนอย่างน้อย 50% ของทุกจังหวัดได้รับวัคซีนเข็มแรก รวมถึงขยายเป้าหมายการฉีดในเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป รวมทั้งการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้กับผู้ที่ฉีดซิโนแวคครบ 2 เข็มแล้วตั้งแต่เดือนมี.ค.-พ.ค." นพ.โอภาสระบุ
ส่วนแผนการจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในช่วงเดือนพ.ย.64 รวม 23 ล้านโดส ประกอบด้วย แอสตร้าเซนเนก้า 13 ล้านโดส และไฟเซอร์ 10 ล้านโดส ขณะที่เดือนธ.ค.64 รวม 24 ล้านโดส ประกอบด้วย แอสตร้าเซนเนก้า 14 ล้านโดส และไฟเซอร์ 10 ล้านโดส ทั้งนี้ ยังไม่ได้รวมวัคซีนทางเลือกยี่ห้ออื่น เช่น ซิโนฟาร์ม และโมเดอร์นา