กรุงเทพโพลล์ เผยหลังศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ปรับมาตรการล็อกดาวน์เพื่อให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนไปได้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา แนวทางการดำเนินชีวิตของประชาชนส่วนใหญ่ 41% ยังคงเก็บตัวอยู่ในที่พักอาศัยเหมือนช่วงก่อนหน้านี้ รองลงมา 15.5% ได้กลับไปเปิดร้าน ได้กลับไปทำงาน ตามมาด้วย 11.9% เดินเที่ยวห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า และ 11.4% นั่งทานอาหารในร้าน
โดยประชาชนส่วนใหญ่ 54.5% ยังมีความเชื่อมั่นค่อนข้างน้อยถึงน้อยที่สุดว่าสถานประกอบการ ห้าง ร้านต่างๆ จะปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเคร่งครัดในระยะยาว ขณะที่ประชาชนอีก 45.5% มีความเชื่อมั่นค่อนข้างมากถึงมากที่สุด
ประชาชนส่วนใหญ่ 62.7% ยอมรับว่ายังมีความกังวลค่อนข้างมากถึงมากที่สุดว่าการปรับมาตรการล็อกดาวน์ดังกล่าวอาจนำไปสู่การติดเชื้อระลอกใหม่ ขณะที่ประชาชนอีก 37.3% ระบุว่ามีความกังวลค่อนข้างน้อยถึงน้อยที่สุด
สำหรับความเห็นต่อการเตรียมใช้มาตรการโควิดฟรีเซตติ้งสำหรับลูกค้าที่เข้าไปใช้บริการในร้านอาหาร ร้านเสริมสวย ตัดผม คลินิกเวชกรรมเสริมความงาม ต้องมีหลักฐานฉีดวัคซีนครบโดส หรือผลตรวจด้วย ATK เป็นลบตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.นั้นมีประชาชนส่วนใหญ่ 71.7% เห็นด้วย เนื่องจากจะช่วยลดความเสี่ยงจากการรับและการแพร่เชื้อโควิด-19 อีกทั้งสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าคนอื่นๆ และพนักงานในร้าน ขณะที่ประชาชนอีก 28.3% ไม่เห็นด้วย เนื่องจากเร็วเกินไปที่จะมีมาตรการดังกล่าว เพราะยังฉีดวัคซีนไม่ทั่วถึง ทำให้เสียลูกค้าในกลุ่มที่ไม่ได้รับวัคซีน ผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนจะถูกตัดสิทธิ์ในการใช้บริการ
ทั้งนี้ กรุงเทพโพลล์ โดยมหาวิทยาลัยกรุงเทพได้สำรวจความคิดเห็นประชาชนเรื่อง "คนไทยคิดอย่างไร ? หลังผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์" ด้วยวิธีการสุ่มโทรศัพท์สัมภาษณ์จากประชาชนทั่วประเทศจำนวน 1,200 คน ระหว่างัวันที่ 13-15 ก.ย.ที่ผ่านมา