นายกิตติ สัจจาวัฒนา ผู้อำนวยการหน่วยบริหารและจัดการทุนและนวัตกรรมด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยว่า บพท.ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจกับศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนใต้ (ศอ.บต.) ในการแก้ไขปัญหาความยากจนและบรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 แก่ประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้
โดย บพท. ได้สนับสนุนองค์ความรู้จากงานศึกษาวิจัยทางวิชาการ และประสบการณ์ที่ดำเนินการผ่านกลไกมหาวิทยาลัยพัฒนาพื้นที่อย่างได้ผลมาแล้วในพื้นที่ 10 จังหวัดเมื่อปี 2563 และอยู่ระหว่างการดำเนินงานเพิ่มเติมอีกในพื้นที่ 10 จังหวัดในปี 2564 ขณะที่ ศอ.บต. จะประสานการบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เพื่อร่วมกันแก้ปัญหาความยากจนให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ไม่น้อยกว่า 70% ของพื้นที่
"เป็นความร่วมมือที่มีความสำคัญมาก เพราะจังหวัดชายแดนใต้เป็นพื้นที่ซึ่งมีปัญหาความยากจนเรื้อรัง ยิ่งเมื่อได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ประชาชนก็ยิ่งยากลำบาก เราจึงมุ่งหวังที่จะทำงานนี้อย่างจริงจัง ในรูปแบบใหม่ที่มีการนำงานวิชาการเข้ามาใช้ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาบรรลุความสำเร็จและมีความยั่งยืน" นายกิตติ กล่าว
โดยชุดความรู้สำหรับแก้ปัญหาความยากจนที่ บพท.จะนำมาใช้แก้ปัญหาความยากจนในจังหวัดชายแดนใต้ ได้ผ่านการพิสูจน์ผลสัมฤทธิ์มาแล้วในพื้นที่ 10 จังหวัด เมื่อปี 2563 ได้แก่ ปัตตานี อำนาจเจริญ แม่ฮ่องสอน ชัยนาท สุรินทร์ ยโสธร ศรีสะเกษ สกลนคร มุกดาหาร และกาฬสินธุ์ ซึ่งในปีนี้นำมาขยายขอบเขตพื้นที่เพิ่มเติมอีก 10 จังหวัด ได้แก่ บุรีรัมย์ นราธิวาส อุบลราชธานี ลำปาง พัทลุง นครราชสีมา ร้อยเอ็ด พิษณุโลก เลย และยะลา ครอบคลุมกลุ่มคนยากจนกว่า 400,000 คน โดยมีมหาวิทยาลัยพัฒนาพื้นที่เป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนงานในแต่ละจังหวัด
ผู้อำนวยการ บพท. กล่าวว่า ปัจจัยสนับสนุนความสำเร็จของการแก้ปัญหาความยากจนอย่างยั่งยืน เกิดจากพลังของการบูรณาการความร่วมมือกันของหลายส่วนราชการ ทั้งกรมการปกครอง กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กรมพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย กรมกิจการเด็กและเยาวชน กรมกิจการผู้สูงอายุ กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ การเคหะแห่งชาติ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พ.อ.ช.) กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รวมทั้งกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.)
ขณะที่ บพท.จะบูรณาการความร่วมมือกับสถาบันอุดมศึกษาในสังกัดกระทรวงอุดมศึกษาฯ ทุ่มเทศึกษาค้นคว้าวิจัยพัฒนาชุดความรู้และนวัตกรรมในการแก้ปัญหาความยากจน ลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำตามบริบทของภูมิสังคมของแต่ละพื้นที่แล้ว ยังให้ความสำคัญกับการยกระดับการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน ควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญกับการพัฒนาเมืองที่มีความสมดุลระหว่างสังคม-เศรษฐกิจ-คุณภาพสิ่งแวดล้อม
"ทุกวันนี้ขอบเขตงานของ บพท.ครอบคลุมไปใน 62 จังหวัด ผ่านโครงการศึกษาวิจัยและนวัตกรรมที่ทำร่วมกับเครือข่ายมหาวิทยาลัยพัฒนาเชิงพื้นที่ ซึ่งมีความหลากหลาย ทั้งโครงการพัฒนาชุมชนนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน โครงการพัฒนาผู้ประกอบการท้องถิ่น หรือโครงการพัฒนาต่อยอดเทคโนโลยีจากภูมิปัญญาชุมชน ทั้งนี้ ก็เพื่อให้ได้ผลงานที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการสร้างความอยู่ดีกินดีแก่ประชาชนได้อย่างยั่งยืน ซึ่งจะทำให้ประเทศชาติมั่งคั่งและมั่นคง บรรลุตามเจตนารมย์ของแผนยุทธศาสตร์ชาติ" นายกิตติ กล่าว