นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า ผลปฏิบัติการหน่วยเชิงรุกในชุมชน หรือ CCR Team จากเขตสุขภาพที่ 11-12 จำนวน 9 ทีม กระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ เพื่อค้นหาผู้ติดเชื้อในชุมชนที่พบคลัสเตอร์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ใน จ.ภูเก็ต ผลปฏิบัติการวันที่ 21-22 ก.ย.64 รวม 2 วัน ตรวจเชื้อไปแล้วจำนวน 4,174 คน พบผลบวก 212 คน หรือคิดเป็น 5.07% ส่วนใหญ่เข้ารับการดูแลในระบบ Home Isolation (HI) หรือระบบ Community Isolation (CI) โดยผู้ที่มีอาการได้รับการจ่ายยาฟาวิพิราเวียร์ทันที เป็นการช่วยให้ผู้ป่วยเข้าถึงยาเร็ว ซึ่งสามารถลดการป่วยหนักและเสียชีวิตได้ นอกจากนี้ ได้ฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับกลุ่มแรงงานและคนในชุมชนที่ยังไม่ได้รับวัคซีนจำนวน 538 คน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดและสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวเอง
นพ.ยงยศ กล่าวว่า สำหรับการพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในจังหวัดภูเก็ตนั้น ส่วนใหญ่เป็นแรงงานต่างด้าวที่เคลื่อนย้ายเข้ามาทำงานภายในพื้นที่และยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน ไม่ใช่นักท่องเที่ยวจากโครงการภูเก็ตแซนด์บอกซ์ ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวต่างชาติร่วมโครงการฯ เดินทางเข้ามารวม 35,169 คน และพบผู้ติดเชื้อเพียง 101 คน
"ดังนั้นยืนยันว่าไม่กระทบต่อภาพรวมการเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยวจากโครงการภูเก็ตแซนด์บอกซ์ เนื่องจากรัฐบาลได้ออกแบบรูปแบบการท่องเที่ยวและมีมาตรการทางสาธารณสุขที่รัดกุม เช่น การคัดกรอง, การตรวจหาเชื้อ, การเข้าพำนักในสถานประกอบการที่ได้รับมาตรฐาน SHA+ ตามระยะเวลาที่กำหนด และนักท่องเที่ยวทุกคน ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดอย่างเคร่งครัด" รองปลัดกระทรวงสาธารณสุขกล่าว
อย่างไรก็ดี กระทรวงสาธารณสุขจะเร่งรัดควบคุมโรคภายในจ.ภูเก็ต ให้ได้โดยเร็ว และจะฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น ซึ่งขณะนี้ได้ฉีดไปแล้วเกือบ 80% ของประชากรเป้าหมาย รวมถึงมีการนัดหมายให้ประชาชนบางส่วนที่ครบกำหนดเข้ารับการฉีดวัคซีนกระตุ้นในเข็มที่ 3 เพื่อเพิ่มระดับภูมิคุ้มกัน พร้อมทั้งสื่อสารให้คนในพื้นที่เข้มงวดตามมาตรการป้องกันตัวเองขั้นสูงสุด (Universal Prevention-UP) และคิดว่าคนรอบข้างเสมือนเป็นผู้ติดเชื้อ เพื่อความปลอดภัยตนเอง ชุมชน สังคม และนักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวได้อย่างปลอดภัย โดยคนในพื้นที่ใช้ชีวิตปลอดภัยภายใต้รูปแบบ New Normal และเป็นจังหวัดต้นแบบของการเปิดประเทศให้กับจังหวัดอื่นๆ ต่อไป