นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข กล่าวในระหว่างการไปตรวจเยี่ยมการให้บริการวัคซีนโควิด-19 ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อว่า นโยบายที่สำคัญ คือ การให้บริการวัคซีนอย่างครอบคลุม วันนี้ให้บริการแก่เด็กอายุ 12 ปี ด้วยวัคซีนที่ผ่านการรับรองจากคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซึ่งทางผู้ผลิตมาขึ้นทะเบียนว่าฉีดในเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปได้ และล่าสุด มีรายงานว่าผู้ผลิตหลายรายกำลัง ศึกษาการให้วัคซีนแก่เด็กอายุ 3 ขวบขึ้นไป ทางการไทยติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด และถ้ามีผลการศึกษายืนยันเรื่องประสิทธิภาพ และความปลอดภัย ทางการไทย ก็ต้องนำมาให้บริการ เพราะอย่าลืมว่าโควิด-19 สามารถติดได้ในทุกช่วงอายุ
สำหรับแผนบริหารวัคซีน ปัจจุบันสามารถฉีดได้วันละ 6-8 แสนโดส แต่ในอนาคต คาดว่าจะฉีดวัคซีนได้มากขึ้น การให้บริการวัคซีน มีทั้งเข็มแรก เข็ม 2 และเข็มบูสเตอร์ ภาครัฐ ได้จัดหาวัคซีนมาเพื่อตอบสนองความต้องการ และวัคซีน ก็เข้ามาเรื่อยๆ ตามที่ตกลงกันไว้ และการฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึงจะทำให้ช่วยลดการป่วยหนัก และเสียชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพ
ส่วนเรื่องการคลายล็อกเปิดเมือง นายอนุทิน กล่าวว่า ถ้าฉีดวัคซีนได้ครอบคลุมตามเป้าหมาย การคลายล็อกต่างๆ ก็ต้องตามมา ทั้งนี้ เมื่อฉีดวัคซีนได้ทั่วถึง ผู้ป่วยหนักจะน้อยลงมาก การเสียชีวิตจะน้อยลงมาก แต่ต้องยอมรับว่าไม่สามารถกดยอดผู้ติดเชื้อให้เหลือศูนย์ได้ และด้วยเงื่อนไขตรงนี้ ก็ต้องมาดูว่า จะเดินหน้ากันอย่างไรต่อ ต้องอยู่กับมันได้อย่างปลอดภัย ขณะที่เศรษฐกิจไทยก็ต้องไปต่อ
สำหรับเรื่องการบริจาควัคซีนโควิดฯ จากสหรัฐฯนั้น นายอนุทิน ระบุว่า การประสานเรื่องบริจาควัคซีน มีขั้นตอน ต้องปฏิบัติ ไทยต้องรอให้ผู้บริจาคติดต่อแจ้งความจำนงมาที่กระทรวงการต่างประเทศ ทางกระทรวงการต่างประเทศจะแจ้งให้กระทรวงสาธารณสุขได้รับทราบ และทางกระทรวงสาธารณสุข จะเป็นคนพิจารณารับเงื่อนไข ไปจนถึงขั้นการรับบริจาค ทุกอย่าง หากมาตามขั้นตอน ใช้เวลาไม่เกิน 1 เดือน
"ทุกอย่างดำเนินไปได้ด้วยดี ไม่อยากให้ไปขยายความ ตอนนี้ ข่าวสารมีมากมาย หากไม่รู้จะเชื่อใคร ให้เชื่อกระทรวงสาธารณสุข เราเป็นหน่วยงานหลักที่ดูแลเรื่องการจัดหาวัคซีน การรับบริจาคครั้งที่แล้ว เมื่อทางนั้นส่ง Diplomatic Note มา ก็ใช้เวลาเพียง 3 สัปดาห์ วัคซีน ก็มาถึงเลย เรื่องแบบนี้ใช้เวลาไม่นาน"