นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข กล่าวว่า วัคซีนป้องกันโควิด-19 จะทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เพียงพอรองรับต่อการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะวัคซีน mRNA ของไฟเซอร์ จำนวน 30 ล้านโดส ที่จะเริ่มทยอยเข้ามาตั้งแต่ช่วงปลายเดือนก.ย.นี้ จนถึงสิ้นปี เพื่อฉีดให้กับเด็กอายุ 12-18 ปีขึ้นไป ดังนั้น จึงขอให้พ่อแม่ผู้ปกครองพิจารณาให้บุตรหลายเข้ารับการฉีดวัคซีน เพื่อให้เริ่มกลับไปเรียนหนังสือ และเปิดการเรียนการสอนได้ตามปกติ
รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ล่าสุด ทั่วประเทศมีการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดรวมแล้ว 50 ล้านโดส และได้เริ่มฉีดวัคซีนเข็มสามเมื่อวานนี้ (24 ก.ย.) ให้กับประชาชนที่ฉีดซิโนแวคไป 2 เข็มแล้วตั้งแต่ช่วงเดือนมี.ค.-มิ.ย. ทั้งนี้ เพื่อให้มีภูมิต้านทานที่สามารถรองรับสายพันธุ์เดลตาได้ พร้อมขอให้มั่นใจว่า แผนการจัดหาวัคซีนป้องกันโควิดในปี 65 จะมีเพียงพอเพื่อการฉีดกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้แก่ประชาชนไปจนกว่าสถานการณ์ระบาดของโรคจะดีขึ้น
"ขอให้ผู้ที่ได้รับซิโนแวคไปแล้ว ตั้งแต่เดือนมี.ค.-มิ.ย. มาลงทะเบียนเพื่อทำนัดการฉีดวัคซีนบูสเตอร์เข็มที่ 3 เพื่อความปลอดภัย และเพื่อเสริมภูมิคุ้มกันโรคให้ได้อุ่นใจว่าจะปลอดภัยจากภัยคุกคามของโรคโควิด" นายอนุทินกล่าว
นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า เนื่องในวันมหิดล 24 ก.ย.ปีนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้จัดกิจกรรมรณรงค์ฉีดวัคซีนโควิด 19 ให้ครบ 1 ล้านโดส ถวายเป็นพระราชกุศลและสำนึกในพระกรุณาธิคุณสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก พระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบัน ด้วยความร่วมมือร่วมใจของบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข และประชาชน ทำให้สามารถฉีดได้มากกว่า 1.3 ล้านโดส และเริ่มให้บริการวัคซีนเข็ม 3 แก่ผู้รับวัคซีนซิโนแวคครบ 2 เข็ม เพื่อเสริมภูมิต้านทานต่อสายพันธุ์เดลตา โดยสามารถฉีดได้กว่า 1.5 แสนคน
ด้าน นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า เฉพาะวันที่ 24 ก.ย. เนื่องในวันมหิดล ฉีดวัคซีนโควิด 19 ทั่วประเทศรวม 1,300,677 โดส เป็นเข็มแรก 841,769 โดส เข็มที่สอง 309,429 โดส และเข็มสาม 149,479 โดส
โดยมี 7 เขตสุขภาพที่ฉีดได้เกิน 1 แสนโดส เขตที่ฉีดได้มากที่สุด คือ เขตสุขภาพที่ 6 จำนวน 148,887 โดส โดย กทม.ฉีดมากที่สุด 64,880 โดส รองลงมา คือ ชลบุรี 48,316 โดส อุดรธานี 47,110 โดส นครราชสีมา 44,863 โดส และเชียงใหม่ 39,214 โดส ทั้งนี้ ประเทศไทยฉีดวัคซีนมาถึงครึ่งทางจากเป้าหมาย 100 ล้านโดส ครอบคลุม
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงแผนการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในประเทศ โดยมั่นใจว่าตั้งแต่เดือนต.ค. 64 การฉีดวัคซีนป้องกันโควิดจะมีอัตราการเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจากช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากกระทรวงสาธารณสุขมีแผนจัดหาวัคซีนหลักไว้ 24 โดส และวัคซีนทางเลือกอีก 6 ล้านโดส รวมเป็น 30 ล้านโดสในเดือนต.ค. ขณะที่แผนการฉีดวัคซีน ณ สิ้นเดือนต.ค.64 คาดว่าจะฉีดวัคซีนเข็มแรกได้ครอบคลุม 58% ส่วนเข็มสองได้ครอบคลุม 45% จากนั้นในสิ้นเดือน พ.ย. คาดว่าจะฉีดวัคซีนเข็มแรกได้ครอบคลุม 71% ส่วนเข็มสองได้ครอบคลุม 60% และสิ้นเดือน ธ.ค. คาดว่าจะฉีดวัคซีนเข็มแรกได้ครอบคลุม 85% ส่วนเข็มสองได้ครอบคลุม 74%
"หลังจากสิ้นเดือนต.ค. พ.ย. และ ธ.ค.เป็นต้นไป การฉีดวัคซีนทั้งเข็มหนึ่ง และเข็มสอง จะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด...ถ้าเราสามารถฉีดวัคซีนได้ตามเป้าหมาย ก็จะทำให้สถานการณ์การติดเชื้อ และการเสียชีวิตลดลง สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงปกติมากที่สุด" นพ.โอภาสกล่าว
ส่วนนโยบายเรื่องการฉีดวัคซีนเข็มสาม ซึ่งเป็นเข็มกระตุ้นนั้น สำหรับคนที่ฉีดวัคซีนครบสองเข็มไปแล้วตั้งแต่เดือนมี.ค. เม.ย. พ.ค. และ มิ.ย.นั้น กระทรวงสาธารณสุขจะแจ้งและนัดหมายให้มารับการฉีดวัคซีนเข็มสามต่อไป ทั้งนี้ เพื่อช่วยลดโอกาสการเสี่ยงติดเชื้อโควิด และเสียชีวิตลงได้
อย่างไรก็ดี สำหรับแผนการจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ตั้งแต่เดือนต.ค. - ธ.ค. 64 มีดังนี้
- ต.ค. 64 มีแผนการจัดหาวัคซีน รวม 24 ล้านโดส ประกอบด้วย ซิโนแวค 6 ล้านโดส, แอสตร้าเซนเนก้า 10 ล้านโดส, ไฟเซอร์ 8 ล้านโดส นอกจากนี้ ยังมีวัคซีนทางเลือก คือ ซิโนฟาร์ม อีก 6 ล้านโดส รวมเป็น 30 ล้านโดส
- พ.ย. 64 มีแผนการจัดหาวัคซีน รวม 23 ล้านโดส ประกอบด้วย แอสตร้าเซนเนก้า 13 ล้านโดส, ไฟเซอร์ 10 ล้านโดส
- ธ.ค. 64 มีแผนการจัดหาวัคซีน รวม 24 ล้านโดส ประกอบด้วย แอสตร้าเซนเนก้า 14 ล้านโดส, ไฟเซอร์ 10 ล้านโดส