พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พร้อมรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และ ส.ส. ลงตรวจเยี่ยมให้กำลังใจและมอบถุงยังชีพให้แก่ประชาชนผู้ประสบอุทกภัยอำเภอศรีสำโรง จำนวน 2 จุด ได้แก่ บ้านคลองชัด หมู่ ที่ 8 ตำบลวังใหญ่ และวัดดอนจันทร์ หมู่ที่ 4 ตำบลบ้านไร่ อำเภอศรีสำโรง จังหวัดสุโขทัย
นายกฯ กล่าวว่าวันนี้ทุกคนมาในนามรัฐบาล ในนามคณะรัฐมนตรี เพื่อช่วยเหลือดูแลทุกคน ใครจะรักหรือไม่รัก ตนเองไม่สนใจ เพียงขอทำหน้าที่ให้ดีที่สุด สุดความสามารถ โดยได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งสำรวจดูแลเยียวยาความเสียหายที่ประชาชนได้รับความเสียหาย
จากนั้น นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะเดินทางต่อไปยังวัดบ้านซ่าน ตำบลบ้านซ่าน อำเภอศรีสำโรง เพื่อสักการะหลวงพ่อสามพี่น้อง และหลวงพ่อขาว ก่อนจะรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์อุทกภัยจังหวัดสุโขทัยจากส่วนราชการ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากการลงพื้นที่สำรวจความเสียหายรู้สึกเห็นใจ เข้าใจความรู้สึกผู้ประสบภัย ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนก้าวผ่านอุทกภัยครั้งนี้ไปให้ได้ ในส่วนรัฐบาลได้สั่งการให้ส่วนราชการสำรวจความเสียหายเร่งจ่ายเงินเยียวยาให้ประชาชนอย่างครบถ้วน ยืนยันรัฐบาลจะดูแลประชาชนให้ดีที่สุด ขอให้ทุกคนร่วมมือกัน ในส่วนของน้ำท่วมไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ 100% เพราะศักยภาพของพื้นที่ แต่จะต้องแก้ไขปัญหาให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
พร้อมระบุว่า ต้องเดินหน้าพลิกโฉมประเทศไทย ทำอย่างไรให้คนไทยมีรายได้ที่เพียงพอ ซึ่งคนไทยทุกคนต้องร่วมกันเดินหน้าต่อไปข้างหน้า เดินหน้าสู่อนาคตที่เข้มแข็ง พร้อมกับการเข้าสู่โลกดิจิทัล นำเทคโนโลยีมาช่วยประกอบอาชีพ โดยเฉพาะการทำการเกษตรต้องเป็นการเกษตรสมัยใหม่เพื่อการอุตสาหกรรม มีรายได้เพิ่มขึ้น ขอให้ประชาชนเตรียมตัวให้พร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น ที่สำคัญต้องร่วมกันทำในสิ่งที่ถูกต้อง หากเราทำสิ่งที่ถูกต้องไม่ต้องกลัวกฎหมาย เพราะกฎหมายไม่ได้มีไว้รังแกคนที่ทำถูกต้องตามกฎหมาย พร้อมกับฝากประชาชนให้ปรับแนวคิด ทำอย่างไรถึงจะตอบโจทย์ความต้องการของสังคม จะต้องไม่หยุดคิด หยุดพัฒนา ต้องคิดต้องพัฒนาไปเรื่อย ๆ โดยการเสาะแสวงหาข้อมูลที่น่าเชื่อถือจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ที่สำคัญต้องร่วมกันรักษาสถาบันครอบครัว ซึ่งเป็นอัตลักษณ์ของสังคมไทย ให้เกิดความรักความสามัคคี รวมพลังเดินหน้าประเทศก้าวหน้าไปด้วยกันสู่ความเข้มแข็ง
จังหวัดสุโขทัย มีพื้นที่ประสบอุทกภัย 9 อำเภอ 64 ตำบล 349 หมู่บ้าน มีเกษตรกรที่ประสบภัย 14,464 ครัวเรือน พื้นที่ทางการเกษตรประสบภัย 213,661 ไร่ คาดว่าจะเสียหาย 169,297 ไร่ แยกตามชนิดพืช ดังนี้ (1) ข้าว ประสบภัย 186,968 ไร่ คาดว่าจะเสียหาย 150,774 ไร่ (2) พืชไร่ พืชผัก ประสบภัย 23,992 ไร่ คาดว่าจะเสียหาย 16,761 ไร่ (3) ไม้ผล ไม้ยืนต้นและอื่น ๆ ประสบภัย 2,701 ไร่ คาดว่าจะเสียหาย 1,762 ไร่ ด้านประมงมีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบด้านประมง 8 อำเภอ 47 ตำบล 213 หมู่บ้าน เกษตรกร 2,504 ราย พื้นที่ 3,087.25 ไร่ จำนวนบ่อเลี้ยง 2,745 บ่อ