รมว.สธ.นำคณะแถลงจับ 7 ตัวการกินหัวคิวฉีดวัคซีนโควิดศูนย์กลางบางซื่อยอดหลายลบ.

ข่าวทั่วไป Monday September 27, 2021 14:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า วันนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และกองบังคับการตำรวจรถไฟ สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาทุจริตบันทึกข้อมูลผู้รับบริการฉีดวัคซีนโควิดเพื่อได้รับสิทธิในการฉีดวัคซีนโดยเรียกรับเงินเมื่อเดือน ก.ค.64 ได้แล้ว ซึ่งจะดำเนินการให้ถึงที่สุด และขอยืนยันว่ากระบวนการให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ถือเป็นภาระและหน้าที่ของรัฐบาลที่จะดำเนินการให้กับประชาชนโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น หากมีการเรียกร้องค่าใช้จ่ายขอให้ประชาชนแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที

"กรณีสองรายนี้เป็บซับคอนแทค ใหม่ๆ ก็แค่คิดจะช่วยญาติพี่น้อง แต่พอพบช่องทางและมีผลประโยชน์มาเกี่ยวข้องก็ขยายไปเรื่อยๆ ที่บอกว่าได้รับเงินมาแค่ 4 ล้านบาทถือว่าเยอะมาก เพราะเป็นการเรียกรับผลประโยชน์ ไม่ใช่การขายวัคซีน ที่บอกว่าไม่ได้ตัดสิทธิประชาชนฟังไม่ขึ้น" นายอนุทิน กล่าวหลังจากนำตัวผู้ต้องหามาทำแผนที่ศูนย์ฉีดวัคซีนบางซื่อในวันนี้

นายอนุทิน กล่าวว่า ได้กำชับอธิบดีกรมการแพทย์ให้ประสานโอเปอเรเตอร์เกี่ยวกับการคัดเลือกจิตอาสาที่จะเข้ามาช่วยงานในโอกาสต่อไป เพราะกำลังเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ ขณะที่ปริมาณวัคซีนมีอย่างเพียงพออย่างแน่นอน ส่วนกรณีเกิดสถานการณ์อุทกภัยนั้น ทางสาธารณสุขจังหวัดได้จัดเตรียมแผนสำรองในการจัดหาพื้นที่ให้บริการวัคซีนไว้แล้ว

ด้าน พญ.มิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ฉีดวัคซีนสถานีกลางบางซื่อ กล่าวว่า จากการที่พบความผิดปกติในการลงทะเบียนรับสิทธิฉีดวัคซีนที่มีจำนวนสูงกว่าความเป็นจริง หลังเปิดให้จิตอาสาที่เข้ามาช่วยงานสามารถเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ได้ โดยได้รวบรวมหลักฐานส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดี ปัจจุบันได้ปรับแนวทางการทำงานเพื่อป้องกันปัญหา โดยมีเจ้าหน้าที่กรมการแพทย์ที่สามารถเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ได้เพียง 10 คนเท่านั้น

พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ ผู้บังคับการตำรวจรถไฟ (ผบก.รฟ.) กล่าวว่า หลังจากได้รับแจ้งความร้องทุกข์จากศูนย์ฉีดวัคซีนสถานีกลางบางซื่อแล้ว ได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามสืบสวนสอบสวนคดีและสามารถจับกุมผู้เกี่ยวข้องได้รวม 7 ราย และอยู่ระหว่างการสอบปากคำ โดยแจ้งข้อหาร่วมกันเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์โดยมิชอบ และข้อหาฉ้อโกงประชาชน ซึ่ง 2 รายแรกที่เป็นสามีภรรยาเป็นผู้ป้อนข้อมูลเข้าระบบไม่มีความเกี่ยวข้องกับองค์กร ส่วนอีก 5 รายเป็นผู้ที่ไปหาคนมาลงทะเบียน นอกจากนี้จะมีการสอบสวนเพื่อหาผู้ร่วมกระทำความผิดเพิ่มเติมอีกด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ