น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบการยกเลิกพื้นที่แหล่งหินอุตสาหกรรมเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์และจัดตั้งโรงงานปูนซีเมนต์ในภาคใต้ตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 19 ก.ย.38 ซึ่งได้อนุมัติให้จำแนกพื้นที่แหล่งปูนซีเมนต์เพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ในเขตภาคใต้
โดยกำหนดพื้นที่ศักยภาพแหล่งหินปูนจำนวน 8 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช สตูล สุราษฎร์ธานี และพังงา โดยได้ออกประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมเรื่อง การให้สิทธิทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรม เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์และจัดตั้งโรงงานปูนซีเมนต์ในภาคใต้ พร้อมเชิญชวนให้ผู้ที่สนใจร่วมลงทุนยื่นขอสิทธิทำเหมืองแร่ โดยผู้ที่ได้รับสิทธิทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมคือ บมจ.ปูนซีเมนต์เอเซีย
ต่อมากรมอุทยาน สัตว์ป่า และพันธุ์พืช แจ้งว่า จะดำเนินการประกาศเขตอุทยานแห่งชาติขนอม-หมู่เกาะทะเลใต้ ซึ่งครอบคลุมพื้นที่แหล่งหินอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ที่ทางบริษัทฯ ได้ยื่นคำขอประทานบัตรและจัดตั้งโรงงานปูนซีเมนต์ไว้ ทางกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่จึงมีหนังสือถึงกรมอุทยานฯ ขอให้พิจารณากันเขตพื้นที่คำขอประทานบัตรและพื้นที่ที่บริษัทฯ จะตั้งโรงงานปูนซีเมนต์ออกจากพื้นที่ที่จะเตรียมประกาศเป็นเขตอุทยานแห่งชาติ เนื่องจากเป็นพื้นที่แหล่งหินอุตสาหกรรมที่มีสัญญาผูกพันไว้กับภาคเอกชน
อย่างไรก็ตาม กรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้แจ้งว่า พื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ และเป็นพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอ ที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีศักยภาพที่จะประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติได้ ขณะที่ราษฎรในพื้นที่ตำบลปากแพรกได้คัดค้านการขอประทานบัตร รวมทั้งองค์การบริหารส่วนตำบลควนทองไม่เห็นด้วยที่จะมีการทำเหมืองแร่
ต่อมาบริษัทฯ ได้มีหนังสือแสดงความจำนงระบุว่า บริษัทไม่ขัดข้องที่จะให้ความร่วมมือ โดยจะไม่เรียกร้องค่าเสียหายใดๆ จากการดำเนินโครงการตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน โดยขอคืนหนังสือค้ำประกันธนาคารที่ให้ไว้เพื่อเป็นการยุติสัญญาต่อกันโดยสมบูรณ์ โดยที่ทั้งภาครัฐและบริษัทฯ จะไม่ได้รับผลกระทบในทางลบใดๆ จากการยกเลิกสัญญานี้ โดยบริษัทฯ ยังไม่ได้เริ่มดำเนินการโครงการใดๆ ในพื้นที่ดังกล่าว