นายณัฐพล ณัฏฐสมบูรณ์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวให้สัมภาษณ์รายการโทรทัศน์เช้านี้ว่า ประเทศไทยขณะนี้มีแนวร่องมรสุมพาดผ่าน และเมื่อมีพายุลูกใหม่เข้ามาจะทำให้แนวร่องมรสุมมีกำลังแรงขึ้น และเกิดฝนตกหนักได้ โดยบริเวณที่คาดว่าจะเกิดฝนตกหนัก เนื่องจากพายุเคลื่อนเข้ามาในไทยในช่วงวันที่ 11-12 ต.ค. นี้ คือบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง อย่างไรก็ดีคาดว่าฝนจะตกหนักอย่างต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 15 ต.ค.
สำหรับพื้นที่เฝ้าระวังเป็นพิเศษคือ ภาคกลางตอนล่าง และภาคตะวันออก เช่น จังหวัดชัยนาท, อ่างทอง, เพชรบุรี, ประจวบคีรีขันธ์, อยุธยา, ปริมณฑล และกรุงเทพฯ เป็นต้น
"ขอเตือนประชาชนที่อยู่บริเวณพื้นที่ดังกล่าวว่า ฝนรอบใหม่จะมาแล้ว ดังนั้นประชาชนที่อยู่ริมแม่น้ำ หรือริมตลิ่ง ต้องยกของขึ้นชั้นบน เพื่อเตรียมรับพายุลูกใหม่ ทั้งนี้คาดว่าหลังจากนี้พายุจะเข้ามาอีกทีในช่วงเดือนพ.ย. ทางภาคใต้" อธิบดีกรมอุตุฯ กล่าวผ่านรายการโทรทัศน์
อธิบดีกรมอุตุฯ กล่าวว่า สำหรับพายุลูกใหม่ที่กำลังเข้ามาในประเทศไทย ได้พัฒนาตัวเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงอยู่บริเวณทะเลจีนใต้ ซึ่งวันนี้คาดว่าจะพัฒนาตัวเป็นพายุดีเปรสชัน และจะพัฒนาตัวเป็นพายุโซนร้อนต่อไป โดยทิศทางการเคลื่อนตัวของพายุจะเคลื่อนตัวไปทางใต้ของเกาะไหหลำ ของประเทศจีน และจะเคลื่อนตัวต่อไปทางอ่าวตังเกี๋ย ที่อยู่ระหว่างประเทศเวียดนามและจีน และจะเคลื่อนตัวขึ้นบกไปที่เวียดนามตอนเหนือ ทั้งนี้จะมีอิทธิพลของความกดอากาศสูง ทำให้อากาศหนาวเคลื่อนตัวลงมา ส่งผลให้กำลังของพายุลูกนี้ไม่รุนแรงมากนักเมื่อเข้ามาสู่ประเทศไทย ทั้งนี้ยังไม่สามารถระบุชื่อของพายุได้จนกว่าพายุจะพัฒนาเป็นพายุโซนร้อน
นอกจากนี้ประเทศไทยจะมีพายุลูกที่สองเข้ามาในช่วงนี้ อย่างไรก็ดียังไม่มีหย่อมความกดอากาศต่ำ แต่กรมอุตุฯ ดูจากโมเดลพยากรณ์และเริ่มเห็นตัวชี้วัดว่า อาจมีพายุลูกที่สองเกิดขึ้นบริเวณตอนบนของเกาะลูซอน ประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งพายุลูกนี้ได้ดูดความชื้นจากฝั่งอันดามัน และเคลื่อนตัวผ่านตามแนวร่องที่พาดผ่านประเทศไทย เข้ามาเลี้ยงพายุลูกแรกที่กำลังเกิดขึ้นใหม่ในไทย
ทั้งนี้เมื่อประเมินถึงอิทธิพลของพายุทั้งสองลูกเทียบกับพายุเตี้ยนหมู่ เนื่องจากพายุเตี้ยนหมู่เป็นพายุที่เข้ามาในประเทศไทยแบบตรงๆ ดังนั้นพายุเตี้ยนหมู่จึงมีความรุนแรงมากกว่า