นายโชติชัย สุวรรณาภรณ์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) อนุมัติให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.) กู้เงินเฉพาะหน้า 439.87 ล้านบาท โดยมีกระทรวงการคลังค้ำประกันเพื่อนำไปชำระหนี้ค่าดอกเบี้ยที่จะถึงกำหนดชำระในปีงบประมาณ 51
"เนื่องจาก ขสมก.มีเงินสดขาดมือจำนวน 10,765.16 ล้านบาท ดังนั้นหากไม่สามารถชำระหนี้ก้อนนี้ได้ตามกำหนดจะต้องเสียค่าปรับดอกเบี้ยตามสัญญาเฉลี่ยเดือนละ 70.43 ล้านบาท หรือปีละ 845.17 ล้านบาท ซึ่งจะเกิดผลเสียต่อองค์กรอย่างมาก" นายโชติชัย กล่าว
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังมีความเห็นว่า ขสมก.มีรายได้ไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นทุกปี ส่งผลให้องค์กรมีผลขาดทุนมาตลอด มีเงินทุนหมุนเวียนไม่เพียง และไม่สามารถชำระหนี้ได้ โดยเฉพาะหนี้ค่าน้ำมัน 3,316.77 ล้านบาท, หนี้ค่าเหมาะซ่อมรถโดยสาร 1,800 ล้านบาท เป็นต้น จึงควรแก้ปัญหาสภาพคล่องเร่งด่วนก่อน เนื่องจาก ขสมก.เป็นรัฐวิสาหกิจที่ให้บริการเชิงสังคม ซึ่งอัตราคาค่าบริการอยู่ภายใต้การควบคุมและดูแลของภาครัฐที่ไม่อาจปรับราคาให้สอดคล้องกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการปรับตัวของราคาน้ำมันตามตลาดโลก
และในที่ประชุม พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี และนายสมหมาย ภาษี รมช.คลัง เสนอให้ ขสมก.เสนอแผนการแก้ปัญหาหนี้สินทั้งหมดขององค์กร และวงเงินกู้ที่จะต้องใช้ทั้งหมด เพื่อให่สามารถแก้ปัญหาได้ในคราวเดียว ไม่ใช่เสนอขอกู้เงินเฉพาะหน้ามาแก้ปัญหาหนี้หลังจากนั้นก็มาขอกู้อีก
สำหรับยอดหนี้ที่ครบกำหนดชำระในปีงบฯ 51 มีจำนวน 5,509.32 ล้านบาท โดยในส่วนของการไถ่ถอนพันธบัตรและชำระคืนเงินกู้ที่จะถึงกำหนด 5,069.45 ล้านบาทอยู่ในแผนการบริหารหนี้ในประเทศของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ 51 ซึ่งที่ประชุม ครม.อนุมัติแผนไปแล้วเมื่อวันที่ 18 ก.ย. 50 ส่วนที่สองคือดอกเบี้ยในปี 51 จำนวน 439.87 ล้านบาทกรณีที่กู้เงิน มา 11,556 ล้านบาท โดยภาระดังกล่าวจะอยู่ในแผนปรับโครงสร้างการบริหารจัดการเพื่อฟื้นฟูฐานะการเงินของ ขสมก.ซึ่งจำเป็นต้องให้รัฐช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
--อินโฟเควสท์ โดย รบฦ3/ธนวัฏ/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--