สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ รายงานสถานการณ์การระบาดโรคโควิด-19 ของจังหวัดเชียงใหม่วันนี้ (11 ต.ค.) พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น 194 ราย เป็นผู้ติดเชื้อที่เดินทางจากต่างจังหวัด 9 ราย ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร 3 ราย เชียงราย 2 ราย นครสวรรค์ ตาก ลำพูน และแม่ฮ่องสอน จังหวัดละ 1 ราย
ส่วนผู้ติดเชื้ออีก 185 ราย เป็นผู้ติดเชื้อในจังหวัด โดยเป็นการสัมผัสจากผู้ติดเชื้อรายก่อนหน้า 11 ราย อยู่ระหว่างการสอบสวนโรค 17 ราย เป็นการระบาดในครอบครัว 8 ครอบครัว รวมจำนวน 18 ราย และมาจากคลัสเตอร์ต่างๆ ซึ่งแยกเป็นคลัสเตอร์เดิม 9 คลัสเตอร์ จำนวน 36 ราย ส่วนใหญ่อยู่ระหว่างการกักตัว จึงไม่มีผู้สัมผัสเพิ่ม ได้แก่ สำนักงานเกษตรอำเภอฝาง 18 ราย รวมผู้ติดเชื้อสะสม 43 ราย ยังคงเป็นการติดเชื้อในกลุ่มของพนักงาน และแพร่กระจายโรคไปสู่ผู้สัมผัสในครอบครัวแล้วอีกหลายราย กำลังเร่งค้นหาผู้สัมผัสเสี่ยงสูงโดยเร่งด่วน , คลัสเตอร์หมู่ 11 ตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม 5 ราย , บริษัท นพรัตน์ กู๊ดไทร์ ซุปเปอร์ 3 ราย , ซุ้มย่างกุ้ง ตำบลสันผีเสื้อ 3 ราย นอกเหนือจากนั้นเป็นคลัสเตอร์เดิมที่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มเพียง 1-2 ราย
นอกจากนี้ ยังมีผู้ติดเชื้อเพิ่มเติมจากคลัสเตอร์ใหม่ และเป็นคลัสเตอร์ที่ยังคงมีการระบาดอย่างต่อเนื่อง 3 คลัสเตอร์ จำนวน 103 ราย ได้แก่ คลัสเตอร์ตลาดเมืองใหม่ และตลาด สท.เก๊า อำเภอเมือง 85 ราย รวมผู้ติดเชื้อสะสม 347 ราย ส่วนใหญ่ยังเป็นพ่อค้าแม่ค้าในตลาด พนักงานเข็นรถรับส่งผักหรือสินค้าทั่วตลาด รวมทั้งผู้สัมผัสร่วมบ้านที่กระจายไปเกือบทุกอำเภอ ซึ่งขณะนี้กำลังเร่งตรวจเชิงรุกค้นหาผู้สัมผัสเสี่ยงสูงเพิ่ม โดยกลุ่มเสี่ยงสูงที่มีผลตรวจเป็นลบ ยังคงต้องกักตัว 14 วัน
คลัสเตอร์ใหม่หอพักแม่แอ๊ด ตำบลแม่แฝกใหม่ อำเภอสันทราย 12 ราย พบผู้ติดเชื้อรายแรกเป็นหญิงแรกคลอดที่กลับไปพักฟื้นที่บ้าน ไม่ทราบว่าตนเองติดเชื้อ แต่เนื่องจากเป็นชุมชนของคนต่างด้าวอยู่กันแออัด จึงมีผู้ไปเยี่ยมเป็นจำนวนมาก และลูก ๆ ก็เล่นด้วยกัน จึงทำให้มีการติดเชื้อต่อกันไปเป็นวงกว้าง และคลัสเตอร์สนามชนกว่าง หมู่ 5 ตำบลโป่งน้ำร้อน อำเภอฝาง 6 ราย
สำหรับวันนี้ มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม จำนวน 2 ราย มีรายละเอียดดังนี้
- รายแรก เป็นชาย อายุ 51 ปี มีโรคประจำตัว คือ ความดันโลหิตสูง ไตวาย และเกาต์ ปัจจัยเสี่ยงไม่ชัดเจน ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน โดยวันที่ 20 กันยายน เริ่มมีอาการไข้ ไอ เหนื่อยหอบ วันที่ 25 กันยายน เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแมคคอร์มิค และตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด วันที่ 27 กันยายน มีอาการเหนื่อยมากขึ้น ออกซิเจนในเลือดต่ำ จึงใส่ท่อช่วยหายใจ และส่งตัวมารักษาต่อที่โรงพยาบาลนครพิงค์ กระทั่งวันที่ 9 ตุลาคม เริ่มมีระบบหายใจล้มเหลว และเสียชีวิตลงในเวลา 22.44 น.
ส่วนผู้เสียชีวิตอีกราย เป็นหญิงไทย อายุ 54 ปี มีโรคประจำตัว คือ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และไขมันในเลือดสูง ปัจจัยเสี่ยง คือ มีการระบาดในที่ทำงาน แต่ไม่เคยได้รับการฉีดวัคซีน ด้านการเจ็บป่วย วันที่ 15 กันยาน ขอรับการตรวจคัดกรองที่ศูนย์ประชุมฯ เนื่องจากมีการระบาดในที่ทำงาน วันที่ 16 กันยายน เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสนามเชียงใหม่ วันที่ 21 กันยายน มีอาการเหนื่อยมากขึ้น จึงส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลจอมทอง วันที่ 1 ตุลาคม มีอาการเหนื่อยมากขึ้น ออกซิเจนในเลือดต่ำ จึงส่งตัวมารักษาต่อที่โรงพยาบาลนครพิงค์ วันที่ 9 ตุลาคม อาการเหนื่อยหอบมากขึ้น ตรวจ X-ray พบว่ามีลมรั่วในปอดทั้ง 2 ข้าง จึงต้องใส่สายระบายลมในช่องปอด กระทั่งวันที่ 10 ตุลาคม พบว่าระบบหายใจล้มเหลว และเสียชีวิตลงในเวลา 02.20 น.