กระทรวงสาธารณสุขเผยวัยรุ่นไทยยังมีอัตราเสี่ยงสูงที่จะติดโรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หลังพบมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกอายุ 15 ปีและเกือบ 50% ไม่ใช้ถุงยางอนามัย เนื่องจากไว้วางใจเพื่อนและเข้าใจผิดว่าการติดเชื้อเอชไอวีจะมีมากเฉพาะในหญิงบริการ
"เยาวชนและวัยรุ่นจำนวนมากมีโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มากยิ่งขึ้น เนื่องจากวัยรุ่นเข้าใจผิดคิดว่าโอกาสติดเชื้อเอชไอวีจะมีมากเฉพาะในหญิงบริการเท่านั้น และคาดเดาเองว่าการมีความสัมพันธ์ทางเพศกับเพื่อนหรือคนรู้จักน่าจะปลอดภัยจึงไม่ได้เตรียมตัวที่จะป้องกัน" น.พ.สมชัย ภิญโญพรพาณิชย์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุในเอกสารเผยแพร่
สำหรับสถานการณ์โรคเอดส์ทั่วโลกในปี 49 พบผู้ติดเชื้อประมาณ 39.5 ล้านคน เป็นเด็กอายุน้อยกว่า 15 ปีประมาณ 2.3 ล้านคน ผู้ใหญ่ 37.2 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตแล้วประมาณ 2.9 ล้านคน คาดว่าจะมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นในปี 50 จำนวน 4.3 ล้านคน ในจำนวนนี้ 40% เป็นเด็กวัยรุ่นอายุ 15-24 ปี
ส่วนสถานการณ์ในประเทศไทยมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องคาดว่าในปี 50 มีจำนวนผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ประมาณ 14,000 ราย จากเดิมที่เคยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ถึงปีละประมาณ 140,000 ราย ซึ่งตั้งแต่ปี 47 จนถึงปี 50 คาดว่ามีจำนวนผู้ติดเชื้อเอชไอวีสะสมกว่า 1 ล้านคน ในจำนวนนี้เสียชีวิตไปแล้วประมาณ 558,895 คน ยังเหลือผู้ติดเชื้อที่มีชีวิตอยู่ประมาณ 546,578 คน และในจำนวนผู้ติดเชื้อเอดส์รายใหม่ 14,000 ราย เป็นหญิงวัยรุ่นและแม่บ้านประมาณ 45% รองลงมาคือชายรักชายประมาณ 20%
น.พ.สมชัย กล่าวว่า ผลการเฝ้าระวังพฤติกรรมเสี่ยงในปี 49 พบอัตราการใช้ถุงยางอนามัยในการมีเพศสัมพันธ์แบบชั่วคราวในกลุ่มเยาวชนมีน้อยกว่า 50% และอายุเฉลี่ยในการมีเพศสัมพันธ์เร็วขึ้นเฉลี่ย 15 ปี จากก่อนหน้านี้มีอายุเฉลี่ย 18 ปี โดยเยาวชนชาย 36% และเยาวชนหญิง 28% ผ่านการมีเพศสัมพันธ์แล้ว โดยการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกกับแฟนหรือคู่รักในเยาวชนชาย 32% และเยาวชนหญิง 27%
--อินโฟเควสท์ โดย ธนวัฏ เสือแย้ม/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--