พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) พร้อมคณะฯ ร่วมประชุมคณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ในกรุงเทพฯ ครั้งที่ 1/2564 เพื่อเตรียมความพร้อมป้องกัน และแก้ไขปัญหาฝุ่นในละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่มักจะเกิดในช่วงความกดอากาศสูง ประมาณปลายเดือน ต.ค. 64 ถึงเดือน ก.พ. 65
โดยที่ประชุมฯ ได้พิจารณาร่างแผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ในพื้นที่กรุงเทพฯ ปี 65 ภายใต้แผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ "การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง" ซึ่งเห็นชอบตามร่างแผนที่เคยดำเนินการในปี 64 พร้อมทั้งให้มีการปรับปรุงการดำเนินการบางส่วนเพิ่มเติมตามที่หน่วยงานต่างๆ ได้เสนอมา เพื่อให้การป้องกัน และแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ในพื้นที่กรุงเทพฯ เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เช่น การตั้งจุดตรวจวัดควันดำเพิ่มมากขึ้น การเพิ่มความถี่ในการตรวจวัดควันดำ และการกำหนดช่วงเวลาห้ามรถบรรทุกเข้าพื้นที่ เป็นต้น
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้แนะนำให้กรุงเทพฯ ติดตั้งเครื่องวัดความเร็วลมในจุดต่างๆ และนำวิวัฒนาการทางเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการคาดการณ์การเกิดฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ล่วงหน้าได้ รวมถึงสามารถวางแผนการดำเนินการป้องกัน และแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ในพื้นที่ได้ดียิ่งขึ้น
"กรุงเทพฯ ขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ได้ร่วมมือกันในการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ในพื้นที่ เนื่องจากกรุงเทพฯ ไม่สามารถดำเนินการได้เพียงลำพัง ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนจึงจะสำเร็จได้" ผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ กล่าว
นอกจากนี้ อาจมีการหารือร่วมกับจังหวัดปริมณฑลเพิ่มเติมด้วย เพราะมีพื้นที่ติดกัน หากพื้นที่ไหนมีฝุ่นฯ PM2.5 เกิดขึ้นสามารถส่งผลกระทบกับพื้นที่ใกล้เคียงได้ รวมทั้งกรุงเทพฯ จะต้องเตรียมการในเรื่องของการล้างถนนด้วย ที่ผ่านมา กรุงเทพฯ ได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการล้างถนนด้วยดี ซึ่งยังคงต้องร่วมกันดำเนินการอย่างต่อเนื่องต่อไป พร้อมทั้งหาแนวทางในการคาดการณ์การเกิดฝุ่นฯ PM2.5 ล่วงหน้า 7 วัน หรือ 3 วันได้ เพื่อให้สามารถเตรียมการรับมือฝุ่นฯ PM2.5 ล่วงหน้าได้
สำหรับการติดตั้งเครื่องวัดความเร็วลม และการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกัน และแก้ไขปัญหาฝุ่นฯ PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพฯ นั้น ถือเป็นสิ่งที่ดี ซึ่งจะได้มอบหมายให้สำนักสิ่งแวดล้อมของ กทม. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้พิจารณาหารือแนวทางดำเนินการต่อไปว่าจะสามารถดำเนินการอย่างไรได้บ้าง สามารถประสานหน่วยงานหรือสถาบันการศึกษาใดมาร่วมกันดำเนินการบ้าง