นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวระหว่างร่วมงานประชุมการปฏิรูประบบสาธารณสุข Big Rock 1 ยุติโรคระบาดด้วยนวัตกรรม โดยการเชื่อมต่อฐานข้อมูลสาธารณสุขแบบบูรณาการ (EPI : Ending Pandemics through Innovation) ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กำชับให้กระทรวงฯ ขับเคลื่อนการพัฒนาดิจิทัลของประเทศตามกรอบนโยบายเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสนับสนุนการพัฒนาระบบสุขภาพของประเทศ เพิ่มประสิทธิภาพระบบบริการสาธารณสุข
สำหรับการจัดทำและขับเคลื่อนการปฏิรูประบบสาธารณสุข Big Rock 1 โดยความร่วมมือในการเชื่อมต่อฐานข้อมูลสาธารณสุขแบบบูรณาการ (Ending Pandemics through Innovation Program) ระหว่าง 5 กระทรวง ได้แก่ กระทรวงดิจิทัลฯ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กระทรวงการคลัง และกระทรวงแรงงาน ขานรับนโยบายของรัฐบาลในการพัฒนาระบบและแพลตฟอร์ม เพื่อรองรับการเชื่อมต่อข้อมูลสุขภาพ (Health Link) ประชาชนและบริการในอนาคต ยกระดับงานบริการสาธารณสุขของประเทศไทย
"การก้าวเข้าสู่โลกยุคดิจิทัล ทำให้เทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามามีบทบาทอย่างมากในระบบสุขภาพโลก โครงการฯ นี้จึงเป็นการนำเทคโนโลยีไอซีทีมาเพิ่มการเข้าถึงบริการสุขภาพของประชาชน เปรียบเสมือนสะพานเชื่อมชุมชนเข้ากับระบบบริการสุขภาพ ระหว่างประชาชนและแพทย์ผู้ดูแล นอกจากนี้ยังช่วยให้ประชาชนรู้อาการของโรคที่เป็น วิธีที่จะได้รับการรักษา รู้ถึงสิทธิที่ตนพึงได้รับการบริการด้านสุขภาพอย่างมีคุณภาพ เป็นธรรม และปลอดภัย" นายชัยวุฒิ กล่าว
ทั้งนี้ ดีอีเอส ได้มอบหมายให้สถาบันส่งเสริมการวิเคราะห์และบริหารข้อมูลขนาดใหญ่ภาครัฐ (Government Big Data Institute : GBDi) ร่วมกับหน่วยงานภายใต้ สธ. และ อว. ดำเนินการศึกษา ออกแบบ พัฒนา และให้บริการระบบสารสนเทศ สนับสนุนการพัฒนาระบบข้อมูลสุขภาพระดับชาติให้มีมาตรฐานในระดับสากล โดยเฉพาะการนำข้อมูลระดับมหภาค มาประกอบการตัดสินใจในการวางแผน และพัฒนานโยบายด้านสุขภาพ รวมทั้งบริหารจัดการกับแนวโน้มด้านสุขภาพในอนาคต
ดังนั้น การพัฒนามาตรฐานการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างระบบจึงเป็นแนวคิดสำคัญที่จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาด้านข้อมูลสุขภาพของประเทศ อีกทั้งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา การเบิกจ่ายประชาชนในช่วงสถานการณ์การระบาดของโรคทั้งในปัจจุบันและอนาคต รวมทั้งสามารถใช้ข้อมูลร่วมกันได้ทั้งภายในและข้ามเครือข่ายบริการ โดยใช้แนวทางที่มีมาตรฐานมาช่วยอำนวยความสะดวกเพื่อให้การใช้ระบบข้อมูลสุขภาพร่วมกันมีความราบรื่นระหว่างระบบ เป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลสุขภาพ (Health Information Exchange) ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อเป้าหมายในการเพิ่มคุณภาพการบริการแก่ประชาชนได้ในที่สุด
รมว.ดีอีเอส กล่าวว่า บทบาทของดีอีเอสในโครงการนี้มีหน้าที่หลักในการออกแบบ พัฒนา และดูแลจัดการระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูลสุขภาพขนาดใหญ่ โดยระบบ Health Link ตั้งอยู่บนคลาวด์ของ บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ (NT) ซึ่งมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ได้รับมาตรฐานสากล ISO 27001 และใช้ Fast Healthcare Interoperability Resources (FHIR) จากองค์กร Health Level Seven (HL7) International ซึ่งเป็นมาตรฐานการแลกเปลี่ยนข้อมูลสุขภาพที่มีผู้ใช้งานทั่วโลก
ขณะเดียวกัน การขับเคลื่อนโครงการนี้จะช่วยเพิ่มจำนวนประชาชนผู้ได้รับประโยชน์ในการเข้าถึงสิทธิการรักษาพยาบาลได้ทั่วถึงและครอบคลุมยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ใช้แรงงานที่ประกันตนจะได้รับประโยชน์และการอำนวยความสะดวกอย่างยิ่ง หากข้อมูลเชื่อมโยงกันได้อย่างสมบูรณ์ ผู้ประกันตนก็จะสามารถเข้าการรักษาข้ามโรงพยาบาลได้ การเบิกจ่ายก็จะเป็นไปโดยง่าย