นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า หลังจากเปิดประเทศแล้ว 7 วัน รัฐบาลประเมินว่าสถานการณ์เป็นที่น่าพอใจ โดยมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามากว่า 20,000 คน ในจำนวนนี้ตรวจพบเชื้อโควิด-19 เพียง 15 คน จึงอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถควบคุมได้ โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดว่าในช่วง 2 เดือนสุดท้ายนี้จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามาเฉลี่ยเดือนละ 300,000 คน ซึ่งจะทำให้เม็ดเงินเข้าสู่ประเทศและกระจายไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ส่งผลให้การบริโภคภายในประเทศมีมากขึ้นและราคาสินค้าก็จะปรับตัวดีขึ้นอย่างเหมาะสม
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม แสดงความเป็นห่วงคือปัญหาการลักลอบเข้าเมืองของแรงงานต่างด้าว โดยได้กำชับฝ่ายความมั่นคงและกระทรวงแรงงานให้ดำเนินการในเรื่องนี้อย่างจริงจังและต่อเนื่อง ซึ่งในช่วง 7 วันที่ผ่านมาได้รับรายงานว่าเจ้าหน้าที่จับกุมแรงงานต่าวด้าวลักลอบเข้าเมืองได้กว่า 2,800 คน เพราะเมื่อดูจากสถิติก่อนหน้านี้กลุ่มแรงงานต่างด้าวมักเป็นต้นเหตุของการระบาดโควิดโดยเฉพาะในตลาด ไม่ว่าจะเป็น กทม. จ.สมุทรสาคร หรือ จ.เชียงใหม่
ขณะเดียวกันขอให้ผู้ประกอบการและนายจ้างเข้มงวดกับการจ้างแรงงานเพราะเข้าใจดีถึงความจำเป็น แต่จะต้องจ้างแรงงานที่เข้ามาอย่างถูกกฎหมาย มีการกักตัว ลงทะเบียนติดตาม และฉีดวัคซีนให้ครบถ้วน รวมถึงการกวดขันพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น การสวมหน้ากากอนามัย การเว้นระยะห่าง ในตลาด ชุมชน และโรงงาน ทั้งหมดคือเหตุผลที่รัฐบาลต้องมีมาตรการควบคุมเข้มงวดแม้ว่าหลายอย่างจะผ่อนคลายลงแล้ว แต่จะต้องไม่ประมาท เพราะเราเปิดประเทศจึงต้องยกระดับมาตรการให้สูงขึ้นเพื่อปกป้องชีวิตคนไทย
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าชายแดนว่า เมื่อเปิดประเทศทำให้มีงานจำนวนมาก ซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่มีการลักลอบเข้ามาหางานทำ โดยได้สั่งการให้คุมเข้มจนสามารถดำเนินการจับกุมได้ทั้งหมดส่วนผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 ก็ได้คัดกรองแยกเข้าสู่ระบบ โดยยืนยันว่า ขณะนี้สามารถจับกุมที่ลักลอบเข้ามาได้ในทุกพื้นที่