พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะอนุกรรมการนโยบาย แนวทาง มาตรการการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดิน ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เห็นชอบให้แต่งตั้ง พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ เป็นประธานคณะทำงานติดตาม และขับเคลื่อนนโยบาย แนวทาง และมาตรการการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดิน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานให้มีความต่อเนื่อง รวดเร็ว และเห็นชอบการจำแนกประเภทที่ดิน จ.สระแก้ว และ จ.นครพนม (ขอเปลี่ยนแปลงมติ ครม.เดิมเฉพาะแห่ง) โดยส่งมอบการจำแนกที่ดิน จ.สระแก้ว 10,805 ไร่ โดยให้ สปก.นำไปดำเนินการ และส่งมอบการจำแนกที่ดิน จ.นครพนม 1,648 ไร่ เป็นที่ในราชการทหารให้กรมธนารักษ์ไปดำเนินการต่อไป และได้เห็นชอบการจำแนกประเภทที่ดิน จ.เพชรบุรี รักษาไว้เป็นป่าไม้ถาวร 1,640 ไร่ และจำแนกเป็นที่ดินทำกินของราษฎรหรือใช้ประโยชน์อย่างอื่น 4,685 ไร่ และจำแนกประเภทที่ดินพื้นที่ป่าไม้ถาวร "ป่าไม้แก่น"จ.ปัตตานี ให้รักษาไว้เป็นป่าไม้ถาวรตามเดิม 139 ไร่ จำแนกออกจากป่าไม้ถาวรเป็นที่ทำกิน 5,614 ไร่ และเป็นป่าชุมชน 10 ไร่ รวมทั้งเห็นชอบให้คณะทำงานติดตามฯตรวจสอบข้อมูลจากกรมป่าไม้กรณี กองทัพภาคที่ 3 ส่งคืน พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ บริเวณเขาค้อ จ.เพชรบูรณ์
ที่ประชุมฯ รับทราบความคืบหน้าการจัดทำนโยบายและแผนการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศ ซึ่งคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) กำลังดำเนินนโยบายหลักของรัฐบาล 4 ด้าน ได้แก่ 1)ด้านการรักษาความสมดุลทางธรรมชาติ การอนุรักษ์ที่ดินและทรัพยากรดิน 2)ด้านการใช้ที่ดินและทรัพยากรดินเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด 3)ด้านการจัดที่ดินให้ประชาชนผู้ด้อยโอกาส อย่างทั่วถึง เป็นธรรม และ 4)ด้านการบริหารจัดการฯ
พรัอมทั้งรับทราบความก้าวหน้าการจำแนกที่ดินในพื้นที่ป่าไม้ถาวร นอกเขตป่าสงวนแห่งชาติ เขตอุทยานแห่งชาติ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าที่ยังไม่ได้สำรวจ โดยกรมพัฒนาที่ดินได้กำหนดแผนการสำรวจจำแนกไว้ 6.3 ล้านไร่ ซึ่งมีผลการดำเนินการระยะแรกเสร็จแล้วจำนวน 25 จังหวัด (2.4 ล้านไร่ ) คิดเป็น 38% และอยู่ระหว่างดำเนินการอีก 42 จังหวัด (3.9 ล้านไร่) คิดเป็น 62%
พล.อ.ประวิตร ได้ย้ำถึงความตั้งใจของรัฐบาลที่ต้องการให้ความสำคัญต่อการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดิน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การอนุรักษ์ทรัพยากรดิน และการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและประชาชน โดยเน้นการช่วยเหลือประชาชนเพื่อให้มีที่ทำกิน และการจัดสรรที่ดินทำกินให้กับผู้ด้อยโอกาส อย่างทั่วถึง และเป็นธรรม