รมว.สาธารณสุข สั่งตรวจสอบข้อเท็จจริงปมฉีดวัคซีนจอห์นสันฯ ในจ.สระแก้ว

ข่าวทั่วไป Tuesday November 9, 2021 16:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข กล่าวถึงกรณีมีผู้ได้รับการฉีดวัคซีนจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ที่คลินิกแห่งหนึ่งใน จ.สระแก้ว ว่า ทางกรมควบคุมโรคจะมีการตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่เท่าที่ทราบจากสื่อถือว่า เป็นเรื่องที่ผิด เพราะวัคซีนที่จะนำเข้าไทยได้ต้องมีการขึ้นทะเบียนกับทางองค์การอาหารและยา (อย.) ไม่สามารถนำเข้ามาเองได้ ซึ่งแพทย์ที่ฉีดให้ก็น่าจะมีความผิดด้วย

นายอนุทิน กล่าวว่า ในที่ประชุมครม. ได้มีติดตามเรื่องมาตรฐานโรงแรมให้ถูกต้องตามมาตรการสาธารณสุข ส่วนแนวโน้มเปิดผับบาร์เร็วขึ้นเป็นวันที่ 15 พ.ย.นั้น ยังไม่ได้หารือกัน

ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรี อยากให้มีการจัดกิจกรรมเคาท์ดาวน์ทั่วประเทศใน 5 ภาคนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ทางกระทรวงสาธารณสุขมีเหตุมีผล และไม่ได้ขวางใคร ถ้าทำให้เกิดความมั่นใจได้ว่า ทำแล้วไม่ได้มีความเสียหายตามมา เราพร้อมเปิดอยู่แล้วและพยายามเต็มที่

ด้านนพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีมีรายงานว่าคลินิกแห่งหนึ่งใน จ.สระแก้ว ให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ยี่ห้อ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันแก่ประชาชนว่า การที่แพทย์ผู้ให้บริการประจำคลินิกฉีดวัคซีนโควิด-19 โดยไม่มีการตรวจสอบที่มาที่ไปของยา หรือวัคซีนที่ผู้รับบริการนำมาขอรับบริการว่ามีการนำเข้าอย่างถูกต้องและมีการขึ้นทะเบียนกับ อย. หรือไม่นั้น ย่อมมีความเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ร่างกายของผู้รับบริการได้ เพราะยาหรือวัคซีนที่ขาดการตรวจสอบจากหน่วยงานที่รับผิดชอบ ก็อาจจะเป็นของปลอม และเถื่อนที่ไม่ได้มาตรฐาน มีการปนเปื้อน หรือเสื่อมสภาพจากการเก็บรักษาที่ไม่ถูกวิธี

กรม สบส.จึงขอเตือนให้แพทย์ประจำสถานพยาบาลเอกชน ต้องตรวจสอบยาหรือวัคซีนที่ประชาชนนำมารับบริการทุกครั้ง หากยาหรือวัคซีนที่นำมาให้นั้นไม่มีการขึ้นทะเบียนแล้วก็ไม่ควรจะให้บริการ และให้คำแนะนำอย่างเหมาะสมแก่ประชาชน เพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพ ร่างกาย ซึ่งการให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่ไม่ได้นำเข้าอย่างถูกต้อง แพทย์ผู้ให้บริการก็อาจจะมีความผิดตามมาตรฐานวิชาชีพ และจริยธรรมทางการแพทย์

พร้อมกันนี้ ขอให้ผู้ดำเนินการสถานพยาบาล กวดขัน และตรวจสอบให้แพทย์ประจำสถานพยาบาลเอกชนของตนปฏิบัติตามกฎหมายการประกอบวิชาชีพให้ถูกต้อง เพราะหากเกิดเหตุไม่คาดคิด หรือผลกระทบต่อร่างกายของผู้รับบริการ จากยาหรือวัคซีนแล้ว ถึงแม้ผู้รับบริการจะนำมาเอง ผู้ดำเนินการสถานพยาบาลก็จะมีความผิดตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 ในมาตรา 34 (2) ฐานไม่ควบคุม ดูแลให้แพทย์ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบวิชาชีพ ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากพบว่าแพทย์ผู้ให้บริการไม่จัดทำประวัติผู้ป่วย ผู้ประกอบกิจการ และผู้ดำเนินการสถานพยาบาล ต้องร่วมรับผิดตามมาตรา 35 (3) ฐานไม่จัดทำเอกสาร หลักฐานของผู้ป่วย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับอีกด้วย

ทั้งนี้ ภาครัฐมีนโยบายให้ประชาชนทุกคนได้รับวัคซีนโควิด-19 โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่หากประชาชนท่านใดต้องการรับบริการวัคซีนทางเลือก ก็ขอให้ติดต่อผ่านสถานพยาบาลที่ได้รับการรับรองจากภาครัฐโดยตรงเท่านั้น ไม่ควรนำวัคซีนโควิด-19 ที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับ อย.หรือไม่ทราบแหล่งที่มา มาขอรับบริการจากสถานพยาบาล


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ