นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข กล่าวว่า เมื่อวัคซีนโควิด-19 มีการพัฒนาต่อสู้เชื้อกลายพันธุ์ ประเทศไทยต้องไม่หยุดนิ่ง โดยได้มีการพูดคุยกับทีมวัคซีน เพื่อพิจารณาการนำเข้าวัคซีนป้องกันโควิด GEN2 กรณีมีการศึกษาและสามารถใช้งานจริงๆ ได้สำเร็จ ทางแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของไทยตกลงใช้ได้ก็พร้อมนำเข้ามา เนื่องจากวัคซีนมีความสำคัญต่อยุทธศาสตร์การควบคุมโรคระบาด
"ทิศทางไปในทางบวก แต่ยังไม่ไว้วางใจสถานการณ์ ยิ่งเมื่อคลายล็อกก็ต้องคิดเผื่อไว้ ได้สั่งการให้จัดหายาและวัคซีนเข้ามาสต็อก พร้อมการเร่งฉีดวัคซีนเข็มบูสเตอร์ ส่วนยาก็ได้ศึกษาความคืบหน้าจากทีมผู้ผลิตทั่วโลก ตัวไหนดี มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย ต้องพิจารณานำเข้ามา เราต้องมีทางเลือกหลายๆ ทาง" นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน กล่าวว่า กระทรวงฯ ได้เฝ้าระวังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศอยู่ตลอด ไม่ว่าจะเป็นการแพร่ระบาดในพื้นที่กรุงเทพฯ ภาคเหนือไปจนถึงภาคใต้ ซึ่งมีรายงานการติดเชื้อเข้ามาทุกวัน แต่สิ่งที่เป็นตัวชี้วัดว่าสถานการณ์ในประเทศไทยดีขึ้นคือยอดผู้ป่วยที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจนั้นลดน้อยลง เช่นเดียวกับยอดสูญเสียก็ลดลงเช่นกัน แม้ว่าจะมีการเปิดเมืองคลายล็อกแล้วก็ตาม
ส่วนสำคัญมาจากการฉีดวัคซีนได้ตามเป้า โดยวันนี้น่าจะฉีดได้ถึง 83 ล้านโดส การฉีดในปัจจุบันมีความครอบคลุมมากขึ้น สามารถให้บริการไปถึงเด็กอายุ 12-17 ปี และในกลุ่มแรงงานต่างด้าว มีสูตรวัคซีนหลายชนิดให้เหมาะสมกับประชากร