นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์ฉุกเฉินโควิด-19 (ศบค.) ได้ติดตามแผนการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ของไทย และพอใจที่ไทยสามารถจัดหาวัคซีนโควิด-19 ได้เกินเป้าหมาย โดยปลายปีนี้ไทยจะมีวัคซีนรวมทั้งหมด 155.6 ล้านโดส ประกอบด้วย วัคซีนที่รัฐจัดหา จำนวน 128.6 ล้านโดส ได้แก่ Sinovac, AstraZeneca และ Pfizer รวมทั้งวัคซีนทางเลือก ได้แก่ Sinopharm และ Moderna จำนวน 27 ล้านโดส โดยตั้งเป้าหมายใหม่ของการฉีดวัคซีนภายในปีนี้ให้ครอบคลุมผู้ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 อย่างน้อย 80% และเข็ม 2 อย่างน้อย 70% ภายในเดือนธันวาคมนี้
สำหรับผลการดำเนินการให้บริการวัคซีนโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ - 12 พฤศจิกายน 64 มีจำนวนผู้ได้รับวัคซีนสะสม 84.5 ล้านราย แบ่งประเภทผู้ได้รับเข็มที่ 1 จำนวน 45.2 ล้านราย คิดเป็น 67.3% ผู้ได้รับเข็มที่ 2 จำนวน 36.5 ล้านราย คิดเป็น 54.4% ผู้ได้รับเข็มที่ 3 จำนวน 2.7 ล้านราย คิดเป็น 3.8%
สำหรับผลการฉีดวัคซีนในกลุ่มอายุ 12-17 ปี ระหว่างวันที่ 4 ตุลาคม - 11 พฤศจิกายน 64 รวมจำนวน 4.3 ล้านโดส แบ่งเป็น เข็มที่ 1 จำนวน 2.8 ล้านโดส และเข็มที่ 2 จำนวน 1.5 ล้านโดส และการฉีดวัคซีนชาวต่างชาติในไทยอยู่ที่ 2,196,744 โดส คิดเป็น 26.5% ของจำนวนชาวต่างชาติทั้งหมดที่อาศัยอยู่ในไทย
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีในฐานะ ผู้อำนวยการ ศบค. ยังเห็นชอบให้มีการจัดสรรให้กลุ่มประชากรอื่นๆ ที่ไม่ใช่สัญชาติไทยทั้งหมด สามารถรับการฉีดวัคซีนได้ตามความสมัครใจ แนวทางบริหารจัดการกลุ่มประชากรที่มิใช่สัญชาติไทย ศบค. มอบหมายให้หน่วยงานที่รับผิดชอบกำหนดและจัดทำทะเบียนรายชื่อและจำนวนสำหรับผู้ที่ประสงค์รับวัคซีน ติดตามให้มารับการฉีดวัคซีนตามวัน เวลา และสถานที่ที่กำหนด กรณีกลุ่มเป้าหมายไม่มีเลขประจำตัวจะสร้างฐานข้อมูลตัวแปร (generate code) เพื่อออกใบรับรองการฉีดวัคซีนได้ ทั้งนี้ มอบหมายให้แต่ละหน่วยงานร่วมกับคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด สำรวจ จัดทำทะเบียนฉีด รวมทั้งพิจารณาแนวทางการบริหารจัดการฉีดให้เหมาะสมในแต่ละพื้นที่ ดังนี้
1) แรงงานภาคประมง จังหวัดชายทะเล (จังหวัดชายทะเล 21 จังหวัด) มอบศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.)
2) คนประจำเรือไทยหรือผู้ปฏิบัติงานบนเรือไทย ณ บริเวณท่าเรือในพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ (จังหวัดชายทะเล 21 จังหวัด) มอบกรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม
3) แรงงานต่างด้าวในสถานประกอบการ/บ้านนายจ้างที่ทั้งขึ้นทะเบียนและไม่ขึ้นทะเบียน มอบ กอ.รมน. กระทรวงแรงงาน กระทรวงมหาดไทย
4) แรงงานต่างด้าวตามชายแดนไทย
5) ผู้หนีภัยการสู้รบ พื้นที่พักพิงราชบุรี กาญจนบุรี แม่ฮ่องสอน และตาก
6) กลุ่มประชากรอื่น ๆ ที่ไม่ใช่สัญชาติไทยทั้งหมดในทุกจังหวัด มอบกระทรวงมหาดไทย
ทั้งนี้ ยังกำชับผู้รับผิดชอบระดับอำเภอ ตำบลและหมู่บ้าน เร่งสำรวจประชากรที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนให้ได้รับการฉีดวัคซีนโดยเร็ว เพื่อลดความรุนแรงของการแพร่ระบาด พร้อมทั้งปกป้องระบบสาธารณสุขไทย
"วานนี้ ในที่ประชุมผู้นำเอเปค ผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค รวมทั้งกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ยังเห็นพ้องกันว่าการฉีดวัคซีนโควิด-19 อย่างทั่วถึง เป็นกุญแจสำคัญในการแก้ปัญหาทั้งการระบาดไวรัสโควิด-19 และนำเศรษฐกิจให้กลับมาเดินหน้าได้อีก ซึ่งตรงกับนโยบายนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลที่ให้เร่งจัดหาและฉีดวัคซีน มั่นใจไทยเข้าถึงเป้าหมาย 100 ล้านโดสภายในเดือนนี้ ช่วยย้ำความเชื่อมั่นให้กับภาคเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว รวมทั้งการเปิดประเทศเพิ่มเติมในปลายปีนี้ด้วย"นายธนกรกล่าว
ด้าน น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า นายกรัฐมนตรี ได้เชิญชวนประชาชนที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เข้ารับการฉีดวัคซีน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ในเกิดขึ้นโดยเร็ว สร้างความแข็งแกร่งในระบบสาธารณสุขให้รองรับการระบาด เพื่อลดความรุนแรงและการเสียชีวิตในประชากรกลุ่มเสี่ยง พร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ภาคธุรกิจการท่องเที่ยว และการเปิดประเทศตามแผนที่กำหนด
สำหรับประชาชนที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน สามารถแจ้งความประสงค์ได้ผ่านช่องทางต่าง ๆ ที่ภาครัฐกำหนด รวมถึงติดต่อสถานพยาบาลโดยตรง หรือแจ้งกับเจ้าของสถานประกอบการ ส่วนกลุ่มเปราะบางที่ไม่สามารถเดินทางเข้ารับมาฉีดวัคซีนได้ สามารถแจ้ง อสม. ฝ่ายปกครอง ท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ภาคประชาสังคม เพื่อประสานรับการบริการฉีดวัคซีนเป็นกรณีพิเศษ จึงขอให้หน่วยงานราชการในพื้นที่ช่วยกันตรวจสอบกลุ่มประชากร โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่ยังไม่ได้รับวันซีนในพื้นที่ของตัวเองด้วย เพื่อที่จะได้เข้าสู่ระบบการฉีดวัคซีนโดยเร็ว
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข คาดว่าจะสามารถฉีดวัคซีนโควิดได้ครบจำนวน 100 ล้านโดส ครอบคลุมประชากร 70% ภายในเดือน พฤศจิกายนนี้ ขณะที่ปัจจุบัน ประเทศไทยมีการจัดหาวัคซีนแล้ว จำนวน 128.6 ล้านโดส ซึ่งมากกว่าแผนเดิมที่กำหนดไว้