นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า กระทรวงสาธารณสุขตั้งเป้าหมายฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ครอบคลุมประชากรมากที่สุด โดยปัจจุบันประเทศไทยฉีดวัคซีนไปแล้วเกือบ 84 ล้านโดส เป็นเข็มที่ 1 จำนวน 44,809,613 คน จากประชากร 66,174,314 คน หรือ 62.2% ซึ่งขณะนี้ประเทศไทยมีวัคซีนเข้ามามากและสม่ำเสมอ แต่จำนวนผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนกลับเริ่มชะลอตัว สาเหตุจากประชาชนส่วนใหญ่ได้รับวัคซีนเข็มแรกแล้ว เหลือเพียงกลุ่มที่รอวัคซีนทางเลือก หรือไม่ยอมฉีดวัคซีนจากเหตุผลส่วนตัวกว่า 10 ล้านคน หรือ 17% และบางส่วนเป็นผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้ว แต่ยังไม่ได้บันทึกข้อมูลในระบบ
คณะผู้บริหารและผู้เชี่ยวชาญของกระทรวงสาธารณสุข จึงได้วางกลยุทธ์เพื่อฉีดวัคซีนให้กับประชาชนได้ครอบคลุมมากที่สุด ช่วยลดการป่วยหนักและเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 โดยกำหนดเป้าหมายในเดือนพฤศจิกายน 2564 ภาพรวมต้องฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากร 70% หรือ 100 ล้านโดส และมีอำเภอไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่ง ฉีดวัคซีนถึงเป้า 70%
นพ.เกียรติภูมิ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ได้ออกแบบวิธีการดำเนินงานเพื่อให้การฉีดวัคซีนเป็นไปตามเป้าหมาย ได้แก่ จัดการฐานข้อมูล ค้นหาประชากรที่อาศัยอยู่ในพื้นที่และยังไม่ได้รับวัคซีนนำเข้ารับการฉีดวัคซีน โดยอำเภอไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่ง ต้องฉีดวัคซีนถึงเป้า 70%, ให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดประสานภาคส่วนต่างๆ เช่น ฝ่ายปกครอง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ชมรม/สมาคม ภาคเอกชน นำประชาชนมาฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุด, จุดฉีดวัคซีนต้องลงข้อมูลให้ครบถ้วนเป็นปัจจุบัน, ขอความร่วมมือสื่อมวลชนทุกแขนงร่วมรณรงค์ให้ความรู้ประชาชนเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 ซึ่งมีผลต่อการตัดสินใจเข้ารับการฉีดวัคซีน, จัดสัปดาห์ฉีดวัคซีนเนื่องในวันสถาปนากระทรวงสาธารณสุข 27 พฤศจิกายน - 5 ธันวาคม 2564, ขยายเป้าหมายฉีดวัคซีนในกลุ่มแรงงานต่างด้าว, จัดทีมฉีดวัคซีนเชิงรุกและเพิ่มจุดฉีดวัคซีน, เพิ่มจำนวน Covid Free Setting ในทุกจังหวัด กำหนดให้ทั้งพนักงานและลูกค้าต้องฉีดวัคซีนแล้ว, ติดตามความก้าวหน้าการฉีดวัคซีนระดับจังหวัดทุกวัน, ให้หน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่จัดกิจกรรมจูงใจคนมาฉีดวัคซีน เช่น ให้รางวัล หรือร่วมกับภาคเอกชนลดราคาสินค้าอุปโภค-บริโภค และค่าโดยสารในผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้ว เป็นต้น