กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานสถานการณ์อุทกภัยว่า ภาพรวมสถานการณ์คลี่คลายในหลายพื้นที่แล้ว ระดับน้ำลดลง แต่ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ โดยยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 10 จังหวัด
สำหรับผลกระทบจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ตั้งแต่วันที่ 10 - 17 พ.ย. 64 ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 9 จังหวัด ได้แก่ เพชรบุรี ระนอง ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา ตรัง ภูเก็ต และพังงา รวม 43 อำเภอ 139 ตำบล 604 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 11,059 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 4 ราย ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร สุราษฎร์ธานี และสงขลา รวม 8 อำเภอ 23 ตำบล 80 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 4,283 ครัวเรือน สถานการณ์ในภาพรวมระดับน้ำลดลง ดังนี้
1.ชุมพร น้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอหลังสวน อำเภอสวี และอำเภอท่าแซะ รวม 15 ตำบล 66 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 3,876 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 4 ราย ระดับน้ำลดลง
2.สุราษฎร์ธานี น้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอดอนสัก อำเภอท่าชนะ อำเภอเกาะสมุย และอำเภอกาญจนดิษฐ์ รวม 7 ตำบล 12 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 373 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
3.สงขลา น้ำท่วมในพื้นที่อำเภอระโนด รวม 1 ตำบล 2 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 34 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
ขณะที่อิทธิพลพายุเตี้ยนหมู่ พายุไลออนร็อก พายุคมปาซุ และร่องมรสุมพาดผ่านภาคตะวันออกและภาคใต้ ตั้งแต่วันที่ 23 ก.ย. ? 17 พ.ย. 2564 ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 7 จังหวัด ได้แก่ หนองบัวลำภู อุบลราชธานี สุพรรณบุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี และนครปฐม รวม 23 อำเภอ 242 ตำบล 1,593 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 90,728 ครัวเรือน แยกเป็น
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2 จังหวัด รวม 3 อำเภอ 10 ตำบล 38 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 761 ครัวเรือน ได้แก่
1.หนองบัวลำภู ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่อำเภอโนนสัง รวม 6 ตำบล 15 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 188 ครัวเรือน
2.อุบลราชธานี ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองอุบลราชธานี และอำเภอวารินชำราบ รวม 4 ตำบล 23 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 573 ครัวเรือน
ภาคกลาง 5 จังหวัด รวม 20 อำเภอ 232 ตำบล 1,555 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 89,967 ครัวเรือน ได้แก่
3.สุพรรณบุรี ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสองพี่น้อง และอำเภอบางปลาม้า รวม 28 ตำบล 267 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 23,053 ครัวเรือน
4.อ่างทอง ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองอ่างทอง อำเภอป่าโมก และอำเภอวิเศษชัยชาญ รวม 12 ตำบล 52 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,444 ครัวเรือน
5.พระนครศรีอยุธยา ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอผักไห่ อำเภอเสนา อำเภอบางบาล อำเภอพระนครศรีอยุธยา อำเภอบางไทร อำเภอบางปะอิน และอำเภอลาดบัวหลวง รวม 106 ตำบล 680 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 49,385 ครัวเรือน
6.ปทุมธานี ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองปทุมธานี อำเภอสามโคก และอำเภอลาดหลุมแก้ว รวม 25 ตำบล 81 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 6,176 ครัวเรือน
7.นครปฐม ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบางเลน อำเภอนครชัยศรี อำเภอสามพราน อำเภอกำแพงแสน และอำเภอดอนตูม รวม 61 ตำบล 475 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 8,909 ครัวเรือน
สำหรับการแก้ไขปัญหาและให้การช่วยเหลือประชาชน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ประสานจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งระดมสรรพกำลังในการระบายน้ำออกจากพื้นที่และดูแลให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยจัดเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สำรวจและประเมินความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลัง ฯ