นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า กรณีที่ประเทศไทยไม่ได้รับมอบสูตรการผลิตยาแพกซ์โลวิด (Paxlovid) จากบริษัท ไฟเซอร์ เพราะบริษัทผู้ผลิตฯ จะเป็นผู้กำหนดเกณฑ์การตัดสินใจว่าประเทศใดจะได้รับสิทธิบัตรการผลิตยา แต่มั่นใจว่ากระทรวงสาธารณสุขมีแผนจัดเตรียมยา เวชภัณฑ์สำหรับการป้องกันดูแลรักษาโรคโควิด-19 มีการวางแผนสำรองเรื่องวัคซีนโควิดไว้แล้ว
ขณะที่ยาฟาวิพิราเวียร์ที่มีอยู่ ก็มีสรรพคุณดูแลรักษาผู้ติดเชื้อได้มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับยาตั้งแต่เริ่มติดเชื้อแรกๆ จะใช้เวลาการรักษาที่สั้นลง ส่วนแผนจัดหายาแพกซ์โลวิด หรือยาโมลนูพิราเวียร์ (Molnupiravir) ก็เป็นการเตรียมพร้อมต่อสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งไม่ได้หมายความว่ายาที่มีอยู่ใช้ไม่ได้ แต่ต้องมีเพื่อนำมาเสริมความมั่นคงทางยา เตรียมความพร้อมเพื่อให้ผู้ป่วยที่มีความจำเป็นต้องใช้ยา ขณะนี้ยาแพกซ์โลวิด ทางผู้ผลิตกำลังยื่นขอขึ้นทะเบียนกับหน่วยงานของสหรัฐอเมริกา
ส่วนมาตรการบังคับฉีดวัคซีนโควิด-19 อย่างน้อย 1 เข็ม นายอนุทิน กล่าวว่า การฉีดวัคซีนเป็นการสร้างความปลอดภัยให้ตัวเองและคนรอบข้าง ดังนั้นไม่จำเป็นต้องบังคับ แต่ต้องรณรงค์ให้ทุกคนออกมารับวัคซีน ส่วนผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ผู้อยู่ห่างไกล สธ.ก็พร้อมสนับสนุนหน่วยโมบายเข้าไปฉีดวัคซีนให้ ซึ่งเมื่อครบเป้าหมาย 70% ของประชากรแล้ว ก็จะไม่หยุดและพร้อมจะฉีดเพิ่มให้ตามจำนวนผู้ต้องการรับวัคซีน
สำหรับการจัดเทศกาลลอยกระทงนั้น จะต้องมีการขออนุญาตกับทางพื้นที่ของจังหวัดนั้นๆ ส่วนมาตรการป้องกัน ขอให้ผู้เข้าร่วมงานสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง ไม่เข้าไปรวมกลุ่มทำกิจกรรมใหญ่ๆ ที่มีความเสี่ยง
"วันนี้เราผ่อนคลายมาตรการทั้งในประเทศ และการเดินทาง ย่อมมีโอกาสเสี่ยงติดเชื้อ แต่เราติดอาวุธให้ตัวเองด้วยการฉีดวัคซีน ที่จะเข้ามาได้รับการคัดกรองเข้มข้น มียารักษาผู้ติดเชื้อ ผู้รับวัคซีนแล้วเกือบทั้งหมดไม่มีอาการรุนแรง ฉะนั้นเรามียาพร้อม วัคซีนพร้อม ร่วมกับมาตรการ DMHTT ก็ลดความเสี่ยงติดเชื้อได้ ซึ่งจะเห็นได้จากการรายงานตัวเลขจากกรมควบคุมโรค ที่มีการครองเตียงและเสียชีวิต ลดลงต่อเนื่อง" นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน กล่าวว่า ล่าสุด นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค รายงานผลการศึกษาใช้วัคซีนสูตรไขว้ซิโนแวค ตามด้วยแอสตร้าเซนเนก้า พบว่าสามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้มากกว่าที่เราคาดไว้ ถือเป็นข่าวดี