ก.เกษตรฯเสนอครม.ปรับโครงสร้างหนี้โครงการค้างชำระกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร

          รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอแนวทางการปรับโครงสร้างหนี้โครงการที่มีหนี้ค้างชำระกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรตามโครงการจัดหาปุ๋ยเคมีเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ปี 40/41 รวม 326  ราย  วงเงินต้น 90.95 ล้านบาท และดอกเบี้ยค้างชำระของลูกหนี้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.),  องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร(อ.ต.ก.)รวม 57 ล้านบาท โดยจะให้ได้รับการลดหนี้เงินต้นคงค้างชำระ 17 ล้านบาท แยกเป็นลดหนี้เงินต้นให้ลูกหนี้ที่ค้างชำระ อ.ต.ก. และธ.ก.ส.จำนวน 116  ราย  เป็นเงิน 9.6 ล้านบาท และลดหนี้เงินต้นค้างชำระ อ.ต.ก. 7.3 ล้านบาท 
          ขณะเดียวกันจะให้ได้รับการขยายระยะเวลาการชำระหนี้ในส่วนลูกหนี้ อ.ต.ก.และ ธ.ก.ส. 178 ราย เป็นเงิน 29 ล้านบาท   ออกไปอีก 3 ปีนับจากวันที่ ครม.อนุมัติ  และให้ได้รับการจำหน่ายหนี้สูญให้ลูกหนี้ อ.ต.ก.และ ธ.ก.ส. จำนวน 78 ราย จำนวน 5.1 ล้านบาท  รวมทั้งให้ได้รับการขยายเวลาชำระหนี้ของลูกหนี้ที่อยู่ระหว่างดำเนินคดี 70 ราย เป็นเงิน 62 ล้านบาท นับตั้งแต่ 30 เม.ย. 40  ออกไปจนกว่าจะเสร็จสิ้นการบังคับคดี  และให้ยกเว้นการนำส่งดอกเบี้ยค้างชำระของลูกหนี้ที่ค้างชำระ ณวันที่ 30 ก.ย. 49 จำนวน 57 ล้านบาท และงดคิดดอกเบี้ยการจำหน่ายปุ๋ยตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 49 เป็นต้นไป
          ทั้งนี้ ครม.เมื่อ 4 พ.ย. 40 ได้อนุมัติจัดสรรเงินจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร 3,452 ล้านบาท ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการจัดหาปุ๋ยเคมีเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ปี 40/41 กำหนดชำระคืนภายในเดือนต.ค. 42 แต่เมื่อครบกำหนดมีเกษตรกรชำระคืนเพียง 3,361 ล้านบาท คงเหลือค้างชำระจนถึง 30 เม.ย. 50 จำนวน 90.95 ล้านบาท และมีดอกเบี้ยค้างชำระอีก 57 ล้านบาท 
          นอกจากนั้น ในวันนี้นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม  รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  จะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอนุมัติการให้สัตยาบันความตกลงระหว่างรัฐบาลว่าด้วยโครงข่ายเส้นทางรถไฟสายเอเชีย, สำนักนายกรัฐมนตรี เสนอร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พร้อมเสนอร่าง พ.ร.บ.ความปลอดภัยอาชีวะอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน และเสนอมาตรการและแนวทางเร่งรัดติดตามรายจ่ายปีงบประมาณ 2550