รายงานจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.ชุดใหญ่) โดยคาดว่าจะพิจารณาปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ทั่วราชอาณาจักร และมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 ในส่วนของกิจการและสถานบันเทิง อีกทั้งจะเสนอให้ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรออกไปอีก หลังจะสิ้นสุดในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564
นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุข เสนอการปรับแนวทางปฏิบัติสำหรับผู้เดินทางในการเข้าราชอาณาจักร ตามแผนการเปิดประเทศ ระยะที่ 2 ระหว่างวันที่ 1 - 31 ธันวาคม 2564 โดยจะเริ่มใช้ในวันที่ 16 ธันวาคม 2564 ได้แก่ การปรับวันกักตัว ปรับวิธีการตรวจในทุกรูปแบบที่เดินทางเข้ามาในประเทศ, การยกเว้นค่าธรรมเนียมการออกหนังสือรับรองการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค กรณีโรคโควิด-19 แบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยให้บริการผ่านช่องทาง e-Vaccine Passport สำหรับผู้เดินทางระหว่างประเทศ (1 - 31 ธันวาคม 2564)
ขณะที่ศูนย์บูรณาการแก้ไขสถานการโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศบค.ส่วนหน้า) จะรายงานผลการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และความคืบหน้าในการนำแรงงานเข้าประเทศ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขเตรียมเสนอปรับสีพื้นที่ ซึ่งสถานการณ์ในขณะนี้ถือว่าควบคุมได้
ส่วนแนวโน้มการเปิดสถานบันเทิงนั้นจะต้องประเมินถึงผลได้และผลเสีย รวมถึงการจัดกิจกรรมต่างๆโดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่ ขณะที่ความเป็นไปได้ที่จะขยายเวลาขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารถึงเวลา 23.00 น.นั้น จะต้องหารือกัน เพราะยังมีหลายภาคส่วน
นายอนุทิน กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่สุด สถานประกอบการและสถานบันเทิง บริษัทห้างร้าน และศูนย์ประชุม จะต้องตรวจมาตรการปลอดภัยสำหรับองค์กร (Covid Free Setting) ถ้าทำอย่างเข้มงวดก็จะทำให้ศบค.ตัดสินใจผ่อนคลายได้มากขึ้น แต่หากผู้ให้บริการในร้านยังฉีดวัคซีนไม่ครบ ไม่มีการตรวจ ATK ทั้งลูกค้าและพนักงาน ก็ยังจะผ่อนคลายมากไม่ได้ เพราะยังมีเรื่องการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วย
สำหรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้าประเทศไทย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวยุโรปที่ขณะนี้มีการกลับมาแพร่ระบาดของโควิด-19 นั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ประเทศไทยมีความเข้มข้นในการคัดกรองอยู่แล้ว ไม่ว่าจะมาจากประเทศที่ติดมากหรือติดน้อยก็ต้องตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR ก่อน และทำตามกระบวนการสำหรับผู้เดินทางไปต่างประเทศ (FIT-TO-FLY) รอผลการตรวจก่อน 1 วัน ซึ่งคงหลุดเข้ามาได้ยาก และคนที่เข้ามาในประเทศไทยจะต้องมีความปลอดภัย