พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.ชุดใหญ่) เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า วันนี้ยังไม่ได้มีมติให้ผ่อนคลายเปิดสถานบันเทิง ผับ-บาร์ ให้เร็วขึ้นกว่าที่ตั้งเป้าหมายเบือวต้นไว้ในวันที่ 16 ม.ค.65 เนื่องจากยังมีความเป็นห่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่อาจกลับมาติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น โดยขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้เตรียมมาตรการต่างๆ ให้รอบคอบก่อน และขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการ เมื่อใดที่มีความพร้อมก็จะพิจารณาอีกครั้ง ซึ่งต้องขอความเห็นใจ เพราะมาตรการด้านสาธารณสุขเป็นสิ่งสำคัญ รัฐบาลต้องการให้ปีใหม่เป็นเทศกาลแห่งความสุขที่ไม่ทำให้เกิดการแพร่ระบาดโควิด โดยเฉพาะก่อนที่จะถึงปีใหม่ ซึ่งเรื่องนี้ได้หารือเป็นมติที่ประชุมแล้ว
"เนื่องจากทางการแพทย์พิจารณาแล้ว เห็นว่ายังมีปัญหา และกังวลว่า ช่วงปีใหม่จะเกิดปัญหาขึ้นอีกและหากเกิดการแพร่ระบาดก็จะทำให้คนไม่มีความสุข และหากสถานประกอบการยังไม่สามารถทำได้ตามมาตรฐานที่กำหนด ก็จำเป็นต้องเลื่อนออกไปก่อน ดังนั้นสถานประกอบการต้องรับฟังและดำเนินการให้ได้ตามมาตรฐานที่กำหนด มิเช่นนั้นจะเป็นอันตรายต่อประเทศ ที่เดินหน้ามาจนถึงตอนนี้"นายกรัฐมนตรี กล่าว
อย่างไรก็ตาม ได้มอบหมายให้ไปหามาตรการในการเยียวยาเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ นักดนตรีและได้เตรียมการด้านงบประมาณไว้แล้ว เพื่อดูแลว่าหากเปิดไม่ได้จะทำอย่างไร เป็นการช่วยเหลือทั้งผู้ประกอบการ นักดนตรี และยืนยันเห็นใจในความเดือดร้อนและให้กระทรวงแรงงาน และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไปร่วมหามาตรการว่าจะดูแลกลุ่มคนเหล่านี้อย่างไร
ส่วนกรณีพบผู้ติดเชื้อภายในร้านอาหารที่มีการเล่นดนตรีสดในศูนย์การค้านั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้กำชับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้กวดขันร้านและสถานบันเทิงเหล่านี้และขึ้นบัญชีไว้ เมื่อใดที่อนุญาตให้เปิดได้ก็จะไม่ให้ร้านเหล่านี้เปิด และให้ผู้รับผิดชอบพื้นที่ ต้องมีโทษทางวินัยด้วย
และกรณีพรรคก้าวไกล นำกลุ่มนักดนตรีกลางคืนศิลปินอิสระ ฟ้องรัฐบาลแบบหมู่ เรียกค่าเสียหายขาดรายได้ จากการสั่งปิดสถานบันเทิง ว่า เป็นเรื่องศาลและกระบวนการยุติธรรมพิจารณา ซึ่งทุกอย่างตนเองดำเนินการตามกฏหมายทุกเรื่อง รวมถึงการดำเนินคดีต่างๆ ก็ให้อำนวยความยุติธรรม ใครผิดก็ว่าไปตามผิด
"ของเราเลิกสักทีแบบนี้ ใช้มวลชนมาพูดจา ทำผิดกฏหมายแล้วหาว่าเรารังแก มันคงไม่ใช่ ทุกอย่างอยู่ด้วยกฏหมาย ไม่งั้นเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน"พลเอกประยุทธ์ กล่าว
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้รับรายงานเชื้อโควิดกลายพันธุ์จากฝั่งยุโรปแล้ว และได้ติดตามอย่างใกล้ชิด กรมควบคุมโรคและกระทรวงสาธารณสุขได้ดูแลอยู่ ซึ่งตนได้เน้นย้ำเรื่องเชื้อกลายพันธุ์ว่าจะต้องมีมาตรการอย่างไร ดังนั้นการเดินทางไปยังประเทศเหล่านี้ ต้องห้ามโดยเด็ดขาด เพื่อจะไม่นำเชื้อเข้ามาแพร่ในประเทศไทย โดยเฉพาะเชื้อแอฟริกาที่ค่อนข้างจะกลายพันธุ์มากพอสมควร จึงต้องระมัดระวังในกลุ่มประเทศเหล่านี้ด้วย นอกจากนี้ จะเร่งทำความเข้าใจเรื่องการฉัดวัควีนที่ต้องระดมมาให้ฉีดกันมากขึ้น
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวอีกว่า ขณะนี้จำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตลดลงมาเรื่อยๆ ตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นมา ซึ่งผู้เสียชีวิตในช่วงแรกส่วนใหญ่มาจากผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน จึงอยากให้ประชาชนรับทราบว่าผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนมีความเสี่ยงการติดเชื้อและเสียชีวิตสูงมาก จึงขออย่าเลือกยี่ห้อวัคซีน รัฐบาลเองก็ได้สนับสนุนวัคซีนทางเลือกเต็มที่ แต่กรณีที่ประชาชนได้ไปจองกับภาคเอกชน ต้องไปเรียกร้องกันเอง แต่อยากให้ผู้ที่จองวัคซีนทางเลือกมาฉีดวัคซีนของภาครัฐซึ่งมีให้บริการพร้อมอยู่แล้ว ทั้งนี้ในอนาคตหากผู้ที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน อาจจะไม่สามารถเดินทางไปไหนได้ ซึ่งไม่ได้เป็นการจำกัดสิทธิของประชาชน แต่เป็นไปตามมาตรการสาธารณสุข
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้รับรายงานจำนวนนักท่องเที่ยวติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น แต่ได้รับเข้าสู่ระบบการรักษาพยาบาลแล้ว ซึ่งรัฐบาลมีความเข้มงวดทุกขั้นตอน แม้ต้องการมีการพัฒนาระบบการอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวได้รวดเร็วขึ้น แต่ต้องหามาตรการรองรับที่ปลอดภัย