พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) กล่าวถึงกรณีโควิดสายพันธุ์โอไมครอนว่า ล่าสุดพบผู้ติดเชื้อใน อิตาลี เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ อังกฤษ เบลเยียม เช็ก และเดนมาร์ก ส่วนในเอเชียพบในฮ่องกง อิสราเอล รวมทั้งพบผู้ติดเชื้อในประเทศออสเตรเลีย ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ติดเชื้อมีประวัติเดินทางมาจากทวีปแอฟริกาใต้ ทำให้หลายประเทศปรับระดับมาตรการเข้าประเทศของผู้เดินทางมาจากแอฟริกาใต้ ส่วนประเทศอิสราเอลประกาศปิดประเทศแล้ว รวมถึงประเทศไทย
สำหรับประเทศไทย ตั้งแต่เปิดประเทศ 1-27 พ.ย.64 มีผู้เดินทางมาจาก 12 ประเทศในแถบแอฟริกาตอนใต้จำนวน 1,007 คน ทั้งหมดเข้ามาในระบบกักกันแบบ Sandbox ซึ่งผลตรวจไม่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19
อย่างไรก็ตาม ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข (ศปก.สธ.) ได้ปรับมาตรการเร่งด่วนป้องกันควบคุมโรคผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักรจากทวีปแอฟริกาให้สอดคล้องกับมาตรการหลายประเทศ โดยห้ามผู้เดินทางจาก 8 ประเทศที่มีการพบและเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของสายพันธุ์ดังกล่าวเดินทางเข้าประเทศไทยแล้ว ได้แก่ บอตสวานา เอสวาตีนี เลโซโท มาลาวี โมซัมบิก นามิเบีย ซิมบับเว แอฟริกาใต้ เนื่องจากมีข้อกังวลว่าโอไมครอนแพร่กระจายเร็วกว่าเดลตา แม้ไม่มีรายงานความรุนแรง แต่องค์การอนามัยโลก (WHO) เตือนว่าผู้สูงอายุและผู้ป่วยโรคเรื้อรัง มีความเสี่ยงสูง โดยปัจจัยสำคัญเชื้อกลายพันธุ์คือประเทศที่ประชากรรับวัคซีนต่ำ ดังนั้น กระทรวงสาธารณสุขจึงเร่งรณรงค์ฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมเพื่อไม่ให้พบการกลายพันธุ์ในประเทศไทย
ส่วนกรณีที่ ศบค.ชุดใหญ่ ทบทวนมาตรการตรวจหาเชื้อผู้เดินทางเข้าประเทศในระบบ Test&Go โดยให้ตรวจด้วยชุด ATK แทนการตรวจด้วยวิธี RT-PCR ตั้งแต่วันที่ 16 ธ.ค.64 แต่ขณะนี้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงตลอดขอให้ติดตามความคืบหน้าจาก ศบค.ว่ามาตรการตรวจด้วย RT-PCR อาจยังคงไว้ต่อไป