นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รมว.พลังงาน กล่าวถึงการดำเนินงานในช่วงที่เหลือในรัฐบาลชุดนี้ว่า จะเร่งจัดหาก๊าซธรรมชาติเพิ่มเติมจากที่ได้ลงนามในข้อตกลงเบื้องต้นซื้อขายก๊าซธรรมชาติจากแหล่งสัมปทานเอ็ม 9 ของ ปตท.สผ. ในสหภาพพม่า ประมาณ 300 - 400 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน หลังจากที่ได้มีการขุดเจาะสำรวจจนพิสูจน์ทราบปริมาณสำรองของก๊าซเพิ่มเติมแล้ว
รวมทั้งการเข้าไปเจรจาร่วมทุนและซื้อขายก๊าซทางท่อจากแหล่งนาทูน่าในอินโดนีเซีย ซึ่งถือเป็นแหล่งสำรองก๊าซธรรมชาติขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของภูมิภาค ตลอดจนการสร้างความชัดเจนในการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว หรือ LNG จากต่างประเทศเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ กระทรวงพลังงานจะได้เร่งผลักดันและสนับสนุนให้ บริษัท สตาร์ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (SPRC) ปฏิบัติตามสัญญาประกอบกิจการโรงกลั่นปิโตรเลียมในการนำโรงกลั่น SPRC เข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ ภายหลังที่ประสบความสำเร็จในการสนับสนุนให้นำโรงกลั่นเอสโซ่ ยื่นขอจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไปแล้ว
การชี้แจงร่างพระราชบัญญัติประกอบกิจการพลังงาน ในขั้นกรรมาธิการของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ รวมทั้งเตรียมการรองรับเมื่อมีการตราออกเป็นกฎหมายแล้ว การปรับโครงสร้างภายในกระทรวงพลังงาน เพื่อจัดตั้งสำนักงานพลังงานจังหวัด 36 จังหวัด
นายปิยสวัสดิ์ กล่าวเพิ่มว่า การบริหารจัดการด้านพลังงานของประเทศไทยในอนาคตที่กระทรวงพลังงานจะพยายามดำเนินการต่อไป คือ การกำกับดูแลกิจการพลังงานให้เป็นอิสระแยกออกจากกำหนดนโยบาย การส่งเสริมระบบผลิตพลังงานและการใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น การส่งเสริมให้กิจการลงทุนด้านพลังงานเป็นที่น่าสนใจ และเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แนวทางการติดฉลากบอกประสิทธิภาพการใช้พลังงานในอุปกรณ์ไฟฟ้า รถยนต์ และบ้านที่อยู่อาศัย การส่งเสริมระบบงานวิจัยด้านพลังงานให้เป็นระบบยิ่งขึ้น ตลอดจนการกำหนดโครงสร้างราคาพลังงานของประเทศให้เหมาะสมและเป็นธรรม
--อินโฟเควสท์ โดย อตฦ/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--