นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นขณะนี้พบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สายพันธุ์โอไมครอน (Omicron) ในไทย 1 ราย เป็นชายไทย อายุ 35 ปี สัญชาติอเมริกัน อาศัยอยู่ที่สเปนเป็นเวลา 1 ปี อาชีพนักธุรกิจ ไม่มีโรคประจำตัว (ผู้ติดเชื้อไม่มีอาการ) และมีผู้สัมผัสจากโรงแรม 17 คน พนักงานในสนามบิน 2 คน
ทั้งนี้ ผู้ติดเชื้อได้รับวัคซีน J&J 1 เข็ม จากสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.64 โดยลำดับเหตุการณ์ดังนี้
28 พ.ย.64 ตรวจ PCR ที่สเปน ผลไม่พบเชื้อ หลังจากนั้นไปทานข้าวกับเพื่อน (เพื่อนไม่มีอาการป่วย จนถึงปัจจุบัน)
29 พ.ย.64 บินจากประเทศสเปน ไปดูไบ (EK142) พักที่ดูไบ 9 ชั่วโมง ไม่ได้พูดคุยกับใคร สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา
30 พ.ย.64 บินจากดูไบมากรุงเทพฯ (EK372) หลังจากลงเครื่อง (เที่ยงคืน) ไปเก็บตัวอย่างแบบ Drive thru ที่รพ.คู่สัญญา และกลับเข้าโรงแรม (ผู้ป่วยเข้าโครงการ Test & Go)
1 ธ.ค.64 ได้รับแจ้งจากรพ.ว่า ตรวจพบเชื้อโควิด-19 Ct:ORF1ab=33.10, N gene=30.71
3 ธ.ค.64 ส่งตัวอย่างเชื้อตรวจยืนยันที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
ผู้ติดเชื้อโอไมครอนรายนี้ไม่มีอาการแสดงของโรคโควิด-19, ปฏิเสธโรคประจำตัว และไม่มีประวัติการตรวจพบเชื้อ SARS-CoV-2 มาก่อนในอดีต, แรกรับอุณหภูมิ 36.5 องศาเซลเซียส อัตรการเต้นของหัวใจ 96 ครั้ง/นาที ความดันโลหิต 136/84 มิลลิเมตรปรอท และค่าอ็อกซิเจน 100%, ภาพถ่ายรังสีทรวงอกปกติ
นพ.โอภาส กล่าวต่อว่า สายพันธุ์โอไมครอนแพร่ระบาดได้เร็วกว่าสายพันธุ์ที่ผ่านมา 2-5 เท่า ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่จะไม่มีอาการ หรืออาการน้อย คล้ายโรคไข้หวัด โดยผู้ติดเชื้อที่รายงานในต่างประเทศ ส่วนใหญ่ไม่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และยังไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อโอไมครอนเสียชีวิต
ดังนั้นมาตรการป้องกันคือ การฉีดวัคซีนโควิดให้ครอบคลุมมากที่สุด ใช้มาตรการป้องกันส่วนบุคคลที่เข้มงวด เช่น สวมหน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะห่างระหว่างบุคคล นอกจากนี้ยกระดับการเฝ้าระวัง ณ ช่องทางเข้าออกประเทศ และสถานที่ท่องเที่ยว, ทำการสุ่มตรวจคัดกรองกลุ่มเสี่ยง และผู้ป่วยไข้หวัดที่เป็นกลุ่มก้อน (Cluster), ส่งตัวอย่างเชื้อที่พบจากผู้เดินทางหรือรายที่น่าสงสัยไปตรวจหาสายพันธุ์โอไมครอนที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
สถานการณ์การระบาดของโควิดสายพันธุ์โอไมครอนทั่วโลก ขณะนี้ได้พบผู้ติดเชื้อแล้วใน 46 ประเทศ ซึ่งไทยอาจจะเป็นประเทศที่ 47 โดยติดเชื้อในประเทศ 15 ประเทศ และพบในผู้เดินทางเท่านั้น 31 ประเทศ