นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข กล่าวถึงกรณีการตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนรายแรกที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทยว่า ขณะนี้ยังไม่จำเป็นต้องเพิ่มมาตรการพิเศษใด ๆ เพื่อดูแลสถานการณ์ หลังจากล่าสุดได้รับทราบข้อมูลว่ามีผู้เสี่ยงสูงจากการพบผู้ติดเชื้อรายแรกจำนวน 17 ราย โดยผลตรวจหาเชื้อเป็นลบ 16 ราย ส่วน 1 ราย เป็นพนักงานโรงแรมที่ส่งอาหารให้กับผู้ติดเชื้อรายแรก ซึ่งมีผลเป็นบวกอยู่ในขั้นตอนสอบสวนโรคว่าติดเชื้อจากที่ใด และเป็นเชื้อสายพันธุ์ใด แต่ได้นำตัวมารักษาที่โรงพยาบาลบำราศนราดูรแล้ว ถือว่าเป็นสถานการณ์ที่ยังควบคุมได้
"พนักงานคนนี้กลับบ้านที่อุบลฯ และต้องไปดูว่าติดเชื้อจากอุบลฯหรือไม่ หรือถ้าเกิดติดจากผู้ติดเชื้อที่เป็นโอมิครอน ต้องไปสอบสวนคนที่สัมผัสเขาตามมาตรการการควบคุมโรค แต่ในขณะนี้ถือว่าส่วนใหญ่เป็นลบทั้งหมด เหลือกรณีนี้ต้องรอผลเพื่อที่จะคอนเฟิร์มและเป็นการสอบสวนโรค แต่ว่าคนที่เกี่ยวข้องได้ถูกกักตัวครบถ้วนทุกอย่างแล้ว"นายสาธิต กล่าว
ทั้งนี้ การจะระบุสายพันธุ์ว่าเป็นโอมิครอนหรือไม่นั้น ต้องใช้ระยะเวลา 3-4 วันในการตรวจเชิงลึก
อย่างไรกก็ตาม นายสาธิต ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม รับทราบถึงการติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอนแล้ว โดยจะติดตามความคืบหน้าของสถานการณ์เป็นระยะ เพื่อประเมินก่อนตัดสินใจความจำเป็นในการใช้มาตรการใด ๆ แต่ขณะนี้ถือว่าทุกอย่างยังเดินหน้า และนายกรัฐมนตรียังไม่ได้เรียกประชุมเป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากกระทรวงสาธารณสุขประเมินสถานการณ์แล้วว่าขณะนี้ยังไม่จำเป็นต้องมีการล็อกดาวน์บางพื้นที่หลังมีการพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน
นายสาธิต เชื่อมั่นว่า มาตรการด้านสาธารณสุขของประเทศไทยยังคงเพียงพอต่อการรับมือการระบาดของไวรัสโควิด ซึ่งหากมีการติดเชื้อไม่ถึง 5% หรืออัตราการเสียชีวิตไม่ถึง 2% ของจำนวนประชากรก็ยืนยันได้ว่าระบบสาธารณสุขของไทยยังรับมือไหว ส่วนการกลายพันธุ์ของเชื้อโควิด ถือเป็นเรื่องธรรมชาติ เพราะไม่สามารถปิดกั้นการเดินทางได้อยู่แล้ว และจากข้อมูลขณะนี้พบว่าผู้ติดเชื้อสายพันธุ์นี้มีอาการไม่รุนแรง
ส่วนการเดินทางเข้าประเทศไทยทั้งต่างชาติและคนไทยที่กลับมาจากประเทศเสี่ยงสูงและนอกเหนือจากประเทศเสี่ยง ต้องเข้าสู่มาตรการตามที่ได้ประกาศไว้ ซึ่งมีความเข้มข้นในการคัดกรอง