นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า มาตรการป้องกันสายพันธุ์โอมิครอนได้มีการปรับไปแล้วในส่วนของข้อจำกัดนักเดินทางจากทวีปแอฟริกาที่มีเงื่อนไขมากขึ้น ขณะเดียวกันจากที่เคยมีแผนจะใช้การตรวจแบบ ATK กับผู้เดินทางเมื่อมาถึงไทย ขณะนี้ก็ได้ให้ชะลอแผนไว้ก่อน ส่วนผู้ที่เดินทางจากพื้นที่อื่นก็ยังตรวจเข้มงวด ต้องขอใบประกันสุขภาพ วัคซีนพาสสปอร์ต ผลตรวจ RT-PCR และเมื่อถึงไทยต้องตรวจอีกรอบ พร้อมทั้งกักตัวตามเวลาที่กำหนด
"เรามีการปรับแผนรับมืออยู่ตลอด โดยความปลอดภัยของประชาชนเป็นเรื่องที่เราคำนึงถึงลำดับต้นๆ แต่การจะตัดสินใจทำอะไรที่มันเข้มข้นมากๆ ไปล็อกดาวน์นู่น ล็อกดาวน์นี่ ก็ต้องอาศัยข้อมูลที่รอบด้าน และต้องคิดให้ละเอียด เพราะประชาชนก็เพิ่งได้กลับมาทำมาหากิน ต้องมองทุกมุม ทุกมิติ"นายอนุทิน กล่าว
ขณะนี้ทางการกำลังเร่งฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เข็ม 3 ให้กับประชาชนให้ได้มากที่สุด ล่าสุดเพิ่งได้หารือกับอธิบดีกรมควบคุมโรควว่าสำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนเชื้อตาย 2 เข็ม หรือแอสตร้าเซเนก้า 2 เข็มจนถึงเดือน ส.ค.64 สามารถขอรับวัคซีนเข็มที่ 3 ได้แล้ว ขอให้ประชาชนมารับบริการกันมากๆ โดยวัคซีนที่ได้รับอาจจะเป็นวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า หรือวัคซีน mRNA เนื่องจากตอนนี้ต้องเร่งรักษาระดับภูมิคุ้มกันให้สูงไว้เพื่อรับมือการระบาดของโอมิครอนที่ค่อยๆ กระจายไปทั่วโลก
ด้านกลุ่มที่จะไปต่างประเทศนั้นไม่ต้องกังวลเพราะวัคซีนที่ไทยนำมาให้บริการนั้นผ่านการรับรองจากนานาชาติแล้ว
สำหรับประเทศไทยเมื่อประชาชนได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึงครบถ้วน และใช้มาตรการ Universal Prevention ก็จะสามารถผ่อนหนักให้เป็นเบาได้แน่นอน นอกจากนี้ ระบบคัดกรองของไทยยังนับว่าเข้มข้นและมีประสิทธิภาพ เราพบผู้ติดเชื้อสัญชาติสหรัฐที่เดินทางมาจากสเปนและดูไบ ขณะนี้อยู่ในระหว่างการสอบสวนโรคและควบคุมโรค
ส่วนที่มีข่าวว่าพบผู้สัมผัสเสี่ยงสูงติดเชื้อโควิดนั้น ขอให้รอรายละเอียดจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แต่จากข้อมูลขณะนี้พบว่าเป็นการติดเชื้อในลักษณะที่เป็นหางเชื้อ ต้องค้นหาเชื้อถึง 36 รอบจึงจะพบ ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีการยืนยันว่าเป็นเชื้อสายพันธุ์ใด
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ถือว่ามีความหวังจากองค์การอนามัยโลกและนักวิชาการด้านการแพทย์ที่ระบุว่าเชื้อโอมิครอนแพร่ง่าย แต่ไม่รุนแรงนัก ขอให้ความหวังนี้เป็นจริง แต่ที่แน่นอนคือวัคซีนที่ใช้กันอยู่สามารถป้องกันการป่วยหนักและเสียชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ประเทศไทยได้เตรียมความพร้อมกับการเผชิญหน้ากับเชื้อสายพันธุ์ใหม่ๆ อยู่ตลอด โดยการสั่งซื้อวัคซีนที่จะได้รับในปีหน้านั้น มีเงื่อนไขว่าเราสามารถเลือกเปลี่ยนเป็นวัคซีนตัวใหม่ๆ ให้ทันสถานการณ์ได้ และตอนนี้ต้องเตรียมยา เตรียมแพทย์ เตรียมสถานที่ และที่สำคัญ คือ ต้องเร่งฉีดวัคซีน ทั้งนี้พบว่ามีบางคนเพิ่งได้รับเข็มแรก ทั้งที่มีสิทธิ์ฉีดมานานแล้ว แต่ยังลังเล จึงเพิ่งมารับการฉีด ขอย้ำว่าการฉีดวัคซีนดีกว่ากันไม่ฉีดนับ 10 เท่า