นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงการเตรียมรับมือกับไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนว่า เป็นที่ทราบแน่ชัดแล้วว่า "โอมิครอน" สามารถติดต่อได้ง่าย และทำให้ประสิทธิภาพของวัคซีนที่ใช้ลดลง หรือพูดง่ายๆ ก็คือว่าต้องการภูมิต้านทานที่สูงขึ้นในการต่อสู้กับโอมิครอน ผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้ว ถึงแม้ว่าติดเชื้อ จะไม่มีอาการหรือมีอาการน้อย
การเตรียมรับมือกับ "โอมิครอน" จะต้องให้ทุกคนมีภูมิต้านทานต่อไวรัสโควิด ดังนั้นจะต้องให้วัคซีนอย่างน้อย 2 เข็มให้กับประชากรหมู่มากให้ได้เร็วที่สุด และใครที่ได้รับครบ 2 เข็มมาแล้วอย่างน้อย 3 เดือน ควรได้รับการกระตุ้นด้วยวัคซีนเข็มที่ 3 เพื่อให้ภูมิต้านทานสูงขึ้น รองรับสายพันธุ์ "โอมิครอน" ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ขณะนี้และต่อไป วัคซีนในประเทศไทยมีจำนวนมากเพียงพอ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ในการที่ให้กับประชากรในกลุ่มที่ควรจะได้รับวัคซีนทุกคน และเพียงพอในการกระตุ้นเข็มที่ 3 ส่วนประชากรกลุ่มเด็ก กำลังรอวัคซีนที่ให้องค์การอาหารและยา อนุมัติให้เร็วที่สุด เพื่อจะให้ได้ครอบคลุมประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ
"เมื่อคนส่วนใหญ่มีภูมิต้านทาน ไม่ว่าจะเกิดจากการติดเชื้อ หรือฉีดวัคซีน เมื่อสายพันธุ์โอมิครอนเข้ามาสู่ประเทศไทย ถึงแม้จะมีการติดเชื้อ ส่วนใหญ่ก็จะมีอาการน้อย หรือไม่มีอาการ แล้วในที่สุด โรคนี้ก็จะเป็นแบบโรคทางเดินหายใจที่พบได้" นพ.ยง ระบุ