นพ. เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการจัดทำแผนเตรียมความพร้อมรองรับการเปิดประเทศ และรองรับการระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ภาคใต้ โดยกล่าวว่า เกือบ 2 ปีแล้วสำหรับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทุกวันนี้รู้จักโรคดีขึ้น อีกทั้งฉีดวัคซีนให้ประชาชนแล้วกว่า 97.4 ล้านโดส สำหรับสายพันธุ์โอมิครอนก็ยังต้องเฝ้าระวัง แต่คิดว่าไม่น่าจะมีสถานการณ์ที่รุนแรงกว่าเดิม
อย่างไรก็ตาม เมื่อเปิดประเทศแล้วก็ต้องยึดหลัก VUCA เป็นมาตรการสำคัญ ที่ผ่านมาพบว่าการแพร่เชื้อต่ำกว่าการคาดหมาย อีกไม่นานน่าจะเห็นตัวเลขผู้ติดเชื้อต่ำกว่า 3,000 คนต่อวัน โดยต้องดำเนินงานควบคู่ไปกับการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจ เพื่อให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อไปได้อย่างปลอดภัย
ด้านนพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค สธ. กล่าวถึงแนวทางการบริหารจัดการวัคซีนโควิด-19 ระดับพื้นที่ว่า แม้ภาพรวมของผู้ติดเชื้อทั่วประเทศมีแนวโน้มลดลง แต่ในภาคใต้ยังมีคลัสเตอร์ย่อยอยู่มาก การได้รับวัคซีนเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยลดความรุนแรงและการเสียชีวิตได้
ดังนั้น จึงต้องเชิญชวนให้ประชาชนเข้ามารับวัคซีนให้ครอบคลุมที่สุด คาดว่าจะครบ 100 ล้านโดสภายในวันที่ 20 ธ.ค. 64 นอกจากนี้ ยังได้วางแนวทางใหม่ในการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้ห่างจากเข็มที่ 2 เป็นระยะเวลา 3 เดือน ประมาณการผู้ได้รับเข็มบูสเตอร์หรือเข็มที่ 3 อย่างน้อย 23 ล้านราย ภายใน มี.ค. 65 เพื่อให้ภูมิคุ้มกันมีมากขึ้น
"สำหรับเป้าหมายการให้บริการวัคซีนโควิด-19 ในปี 65 ประชากรทุกคนต้องได้รับวัคซีนอย่างน้อย 80% สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยฉีดสามารถ Walk-in ได้ตามสถานพยาบาลที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กรุงเทพมหานครกำหนดไว้ ส่วนกลุ่มอายุต่ำกว่า 12 ปี กำลังรอการพิจารณา เพื่อรับวัคซีนได้ตามความสมัครใจของเด็กและผู้ปกครอง ให้เด็กอนุบาลและชั้นประถมศึกษาได้เตรียมความพร้อมก่อนการเปิดเทอม" นพ.โอภาส กล่าว