พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) กล่าวว่า ขณะนี้ยังพบผู้ติดเชื้อโควิดในคลัสเตอร์ต่างๆ ทั้งคลัสเตอร์เรือนจำ พบที่กระบี่ 137 ราย ปัตตานี 36 ราย, คลัสเตอร์โรงงานและสถานประกอบการ พบที่ปราจีนบุรี ระยอง ชลบุรี, คลัสเตอร์ตลาด พบที่อ่างทอง ลพบุรี อุบลราชธานี นครศรีธรรมราช, คลัสเตอร์งานศพ พบที่นราธิวาส แม่ฮ่องสอน, คลัสเตอร์แคมป์ก่อสร้าง พบที่เขตคลองเตย 56 ราย จากคนงานทั้งหมด 120 ราย ชลบุรี, คลัสเตอร์หมูกะทะ ที่เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ 12 ราย เกิดจากคนแรก ซึ่งไม่ทราบว่าติดเชื้อจากที่ไหนแล้วไปร่วมงานเลี้ยง มีรับประทานหมูกะทะร่วมกัน และคลัสเตอร์โรงเรียน พบที่สมุทรปราการ อุบลราชราชนี ศรีสะเกษ และโรงเรียนนายสิบทหารบก พบที่ประจวบคีรีขันธ์ด้วย
ทั้งนี้ ศบค.ชุดเล็ก ได้มีการหารือช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ประชาชนจะเดินทางกลับภูมิลำเนา โดยได้เน้นย้ำให้แต่ละจังหวัดคัดกรองผู้คนที่เดินทางกลับบ้าน เพราะหากคนเหล่านี้เดินทางกลับมาจากโรงงานหรือแคมป์คนงาน อาจมีการสัมผัสติดเชื้อ แต่ไม่แสดงอาการ จึงให้ทางจังหวัดมีมาตรการที่เข้มงวด
ขณะเดียวกันเมื่อจบเทศกาลปีใหม่ คนเหล่านี้ก็จะเดินทางกลับมาทำงาน ซึ่งถือว่ามีความเสี่ยงเช่นกัน ดังนั้นจึงเน้นย้ำไปยังสถานประกอบการ และโรงงานจะต้องมีการตรวจคัดกรองบุคลากรอย่างเข้มงวดด้วย
พญ.อภิสมัย ย้ำว่า ในส่วนของนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย จะต้องปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขของไทยอย่างเคร่งครัด ถ้าไม่สวมหน้ากากอนามัย มีความผิดสามารถปรับได้สูงสุดถึง 20,000 บาท และสถานบริการต่างๆ สามารถปฏิเสธการให้บริการได้
ผู้ช่วยโฆษก ศบค. เน้นย้ำว่า การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ภายในร้านอาหาร หรือสถานประกอบนั้น จะอนุญาตเฉพาะสำหรับเทศกาลปีใหม่ ในคืนวันที่ 31 ธ.ค.เท่านั้น ซึ่งในส่วนสถานบันเทิง ผับ บาร์ ที่เปิดตั้งแต่วันที่ 16 ธ.ค. จะยังไม่สามารถเปิดให้บริการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ แต่มีรายงานว่าพบร้านอาหารที่อ่าวนาง ไร่เลย์ จ.กระบี่ มีการเปิดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้ว ซึ่งในความจริงแล้วยังไม่สามารถเปิดจำหน่ายได้
อย่างไรก็ดี การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท. ) สามารถเพิกถอนตราสัญลักษณ์ SHA+ ได้ ในกรณีที่ผู้ประกอบการไม่สามารถรักษามาตรฐาน