นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข (สธ.) กล่าวผ่านรายการโทรทัศน์ว่า กระทรวงสาธารณสุขเตรียมเสนอศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) และคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค.ชุดใหญ่ ยกเลิกการเดินทางเข้าประเทศแบบ Test&Go ไปก่อน คงเหลือเฉพาะรูปแบบ Sandbox และมาตรการการกักตัว เนื่องจากขณะนี้พบการระบาดของโควิดสายพันธุ์โอมิครอนเพิ่ม โดยขณะนี้มีการตรวจพบผู้ติดเชื้อโอมิครอนตั้งแต่ช่วงที่เริ่มมีการระบาดแล้ว 63 ราย และรอการยืนยันอีกกว่า 20 ราย
ในส่วนของจำนวนผู้ติดเชื้อโอมิครอนในประเทศไทย เกือบทั้ง 63 ราย เป็นการติดเชื้อจากต่างประเทศ มีเพียง 1 รายเป็นการติดเชื้อในประเทศ จากเคสที่สามีเป็นนักบิน และนำเชื้อมาติดภรรยา ซึ่งจากเคสนี้คาดว่า เชื้อยังไม่แพร่กระจายไปมากกว่านี้ แต่หากปล่อยให้เกิดกรณีแบบนี้ไปเรื่อยๆ เชื้อจะต้องแพร่ระบาดอย่างกว้างขวางแน่นอน จึงต้องกลับไปใช้มาตรการที่เข้มงวดอีกครั้ง
"ขนาดเราให้ทำ RT-PCR ก่อนเข้าประเทศ และทำ RT-PCR อีกครั้งหลังเข้าประเทศยังตรวจเจอโอมิครอน นับประสาอะไรกับการตรวจแค่ ATK ทั้งนี้ เมื่อถามแพทย์ว่าทำไมต้นทางตรวจไม่พบเชื้อ แพทย์ระบุว่าอาจเพิ่งรับเชื้อมา และเชื้อเพิ่งมาปะทุระหว่างเดินทาง เมื่อมาถึงไทยถึงตรวจเจอ หรือ 1-2 วันถึงจะตรวจเจอ ทั้งนี้ ยังโชคดีที่ขณะนี้กว่า 60 รายที่พบโอมิครอน ยังอยู่ภายใต้ระบบเฝ้าระวังที่สามารถคัดกรองได้อยู่" นายอนุทิน กล่าว
นอกจากนี้ แต่ละจังหวัดต้องมีมาตรการในการเดินทางเข้าจังหวัดว่า ต้องมีการตรวจสอบอะไรบ้าง ในส่วนของการจัดงาน ต้องมีการพิจารณาอนุมัติเป็นรายๆ ไป นอกจากนี้ ขอความร่วมมือประชาชนชะลอการเดินทางไปต่างประเทศ เนื่องจากเชื้อโอมิครอนมาจากคนไทยที่กลับจากต่างประเทศ
ทั้งนี้ มาตรการควบคุมโรคต่างๆ เป็นอำนาจการตัดสินใจของผู้ว่าราชการจังหวัดของแต่ละจังหวัดว่า จะมีมาตรการควบคุมอย่างไร เช่น ที่จังหวัดสุรินทร์มีการจัดงานคอนเสิร์ต แต่ไม่มีการเว้นระยะห่าง สาธารณสุขจึงติดต่อไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ว่า หากไม่มีมาตรการป้องกัน ก็จะไม่สามารถจัดงานได้
"ขอโทษพี่น้องประชาชน เนื่องจากในช่วงปีใหม่จึงอาจมีมาตรการใหม่ๆ ขึ้นมา ซึ่งทำให้อาจไม่ได้รับความบันเทิงเท่าที่ควร ขอความร่วมมือในการหา option ใหม่ในการเฉลิมฉลองกับครอบครัว อย่างในประเทศเนเธอร์แลนด์เขาให้ฉลองในครอบครัวไม่เกิน 4 คน แต่เราก็คงไม่ถึงขนาดนั้น" นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน กล่าวถึงการฉีดวัคซีนเข็ม 3 ว่า เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีการประชุมกับปลัดกระทรวงสาธารณสุขและอธิบดีกรมควบคุมโรคว่า จะเร่งออกมาตรการ เช่น หากจะเดินทางไปยังจังหวัดอุบลราชธานี จะมีจุดซักประวัติ ถ้าได้รับวัคซีนเพียง 2 เข็ม ก็จะมีบริการฉีดวัคซีนเข็ม 3 ให้ก่อนเดินทาง โดยไม่ต้องจองล่วงหน้า และจะมีการลงทะเบียนประวัติการฉีดวัคซีนในภายหลัง
"ขณะนี้เรามีวัคซีนเพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ฉีดวัคซีนซิโนแวค 2 เข็ม ขอให้มารับเข็ม 3 โดยด่วน เนื่องจากมีผลการทดลองออกมาว่าซิโนแวคไม่ค่อยตอบสนองต่อโอมิครอน ดังนั้นต้องฉีดไฟเซอร์ หรือแอสตร้าเซนเนก้าเป็นบูสเตอร์โดสจะช่วยได้เยอะ" นายอนุทิน กล่าว
ทั้งนี้ ประชาชนที่ต้องการรับวัคซีนเข็ม 3 สามารถเดินทางไปฉีดที่โรงพยาบาลของแต่ละจังหวัดได้เลย หรือก่อนหน้านี้เคยฉีดวัคซีนเข็ม 2 ที่ไหน ให้ไปรับวัคซีนเข็ม 3 ที่เดิม หรือสะดวกที่ไหนก็สามารถไปรับวัคซีนได้ที่นั่นได้เลย