นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า สศก. ร่วมกับการเคหะแห่งชาติ (กคช.) ลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการ เพื่อส่งเสริมให้เกิดการใช้ประโยชน์ร่วมกันของข้อมูล มีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านการเกษตรในรูปแบบต่างๆ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตการอยู่อาศัยของประชาชน เชื่อมโยงการใช้ข้อมูลภูมิสารสนเทศเพื่อวางแผนพัฒนาพื้นที่ เช่น การปรับปรุงดิน การส่งเสริมการเพาะปลูก และพัฒนาตลาดเกษตรและสินค้าชุมชน
ที่สำคัญ คือ การให้บริการข้อมูลด้านการเกษตรด้วยระบบภูมิสารสนเทศ มีการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านการเกษตรมาปรับใช้ และร่วมกันพัฒนาบุคลากรของทั้ง 2 หน่วยงาน ตลอดจนส่งเสริมความสัมพันธ์ และพัฒนาด้านการเกษตรให้แก่ผู้อยู่อาศัยในชุมชนของการเคหะแห่งชาติร่วมกัน
เลขาธิการ สศก. กล่าวเพิ่มเติมว่า สศก.พร้อมที่จะสนับสนุนข้อมูลด้านการเกษตร ทั้งด้านพื้นที่ ข้อมูลพืชและสินค้าเกษตร future crop ที่เหมาะสมกับพื้นที่ โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีการปลูกพืชในโรงเรือน และอาคารปิด เพื่อแนะนำ ส่งเสริมการผลิตที่มีคุณภาพ และมูลค่าสูงในพื้นที่จำกัด ด้วยต้นทุนที่ต่ำ โดยจะบูรณาการร่วมกับหน่วยงานของกระทรวงเกษตรฯ อาทิ กรมส่งเสริมการเกษตร กรมประมง กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ และหน่วยงานอื่นๆ เพื่อถ่ายทอดความรู้ ข่าวสาร ให้เหมาะสมกับประชาชนในพื้นที่การเคหะแห่งชาติ
ด้านนายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าฯ กคช. กล่าวว่า กคช.จะส่งเสริมให้เกิดการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และเชื่อมั่นว่า จะสามารถพัฒนาชุมชนและเศรษฐกิจของประชาชนในชุมชนให้เข้มแข็ง พึ่งพาตนเองได้ มีการพัฒนาเมืองและชุมชนให้มีสภาพแวดล้อมที่ดี ตลอดจนเกิดการการบริหารจัดการชุมชนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ส่งเสริมความสัมพันธ์ในการพัฒนาด้านการเกษตรในรูปแบบต่างๆ ร่วมกันได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ดังนั้น หากมีการส่งเสริมอาชีพ สร้างรายได้ให้ประชาชนสามารถดำรงชีพอยู่ได้ จะทำให้ประชาชนมีความมั่นคงมากขึ้น ซึ่งการสร้างรายได้ทางการเกษตร ด้วยการผลิต การแปรรูป และสร้างการตลาดของพืชเศรษฐกิจที่มีมูลค่าสูงในพื้นที่ที่จำกัด นับเป็นสิ่งที่การเคหะแห่งชาติ และประชาชนในพื้นที่มีความต้องการอย่างมาก เพราะทำให้มีทางเลือก และช่องทางการประกอบอาชีพ เพื่อสร้างรายได้จากการทำการเกษตรมากขึ้น รวมทั้งเพิ่มศักยภาพด้านการเกษตรให้แก่ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ของการเคหะแห่งชาติ และพื้นที่โดยรอบให้สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน