นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก โดยระบุว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน เป็นความยากในการตัดสินใจของผู้บริหารประเทศที่จะต้องตัดสินใจในวันนี้เพื่อหาจุดสมดุลระหว่างการระบาดของโรคกับปากท้องของประชาชน แต่การตัดสินใจจะต้องทำให้เร็วที่สุดก่อนที่โอมิครอนจะเข้ามาระบาดในประเทศไทย
ทั้งนี้ การแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน จะต้องเกิดในประเทศไทยอย่างแน่นอน ไม่ช้าก็เร็ว แต่หากเป็นไปได้เราอยากให้ช้าที่สุดเพื่อรอระบบสาธารณสุขในการให้วัคซีนเข็ม 3 กระตุ้นให้ได้มากที่สุดก่อน เพราะการได้รับวัคซีน 2 เข็มไม่เพียงพอในการที่จะรับมือโอมิครอน
โอมิครอน จะเข้ามาได้เร็วจากผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากมาตรการ Test and Go โดยไม่มีการกักตัว ซึ่งเป็นไปได้ยากที่จะป้องกันการหลุดรอดของโอมิครอนเข้ามาระบาดในประเทศไทย เพราะผู้เดินทางเข้ามาอาจอยู่ในระยะฟักตัวของเชื้อ หรือสัมผัสระหว่างการเดินทาง ดังนั้น การป้องกันจะได้ผลต้องย้อนกลับไปแบบเดิม คือ มีการกักตัว จะเป็น 7 วัน 10 วัน หรือ 14 วันก็แล้วแต่
และการประกาศให้งดกิจกรรมบางอย่างในช่วงเทศกาลปีใหม่ หรือลดการเดินทาง ก็จะเป็นอีกมาตรการหนึ่งที่จะช่วยบรรเทาการระบาดของโอมิครอน เพราะหากมีการระบาดมากก็จะย้อนเป็นวงจรมาสู่ปากท้องประชาชน อย่างไรก็ตาม ผลทางเศรษฐกิจก็มีความสำคัญ สำหรับความเดือดร้อนของประชาชน รวมทั้งการเฉลิมฉลองในช่วงเทศกาลปีใหม่ ก็เป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งในการแพร่กระจายของโรค
ในขณะที่อัตราการตรวจพบเชื้อโอมิครอนในผู้เดินทางจากต่างประเทศและติดเชื้อมีอัตราที่สูงขึ้นอย่างมาก โอกาสหลุดรอดจึงเป็นไปได้สูงมาก และถ้ามาประกอบกับการเดินทางในช่วงปีใหม่ และการเฉลิมฉลองต่างๆ โอกาสแพร่กระจายของโรคก็เป็นไปได้สูง อัตราการแพร่โรคเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว บทเรียนจากประเทศในยุโรปและอเมริกา ที่ไม่สามารถควบคุมการระบาดของโรคได้ และบางประเทศต้องหันมาปิดประเทศอีกครั้ง
"เราอยากรอให้ โอมิครอน เข้ามาระบาดในประเทศไทยให้ช้าที่สุด การป้องกันไม่ให้เข้ามาคงเป็นไปได้ยาก เพื่อให้ระบบสาธารณสุข เตรียมรองรับ โดยเฉพาะการฉีดวัคซีนเข็ม 3 ให้ครอบคลุมประชากรส่วนใหญ่ให้ได้มากที่สุดก่อน ที่จะต้อนรับสายพันธุ์ โอมิครอน"นพ.ยง ระบุ