สมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศ ตั้งโต๊ะแถลงข่าวฉายาตำรวจประจำปี 2564 มีด้วยกันทั้งหมด 10 นาย ประกอบด้วย
1.พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ฉายา "หมอปั๊ด ตัดเนื้อร้าย" นับเป็นปีที่สองของการดำรงตำแหน่งสูงสุดในองค์กรตำรวจ และเป็นอีกปีที่มีข่าวคราวอื้อฉาวในแวดวงการสีกากี โดยเฉพาะคดี "อดีตผู้กำกับโจ้" ทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่นในตำรวจ ซ้ำเติมวิกฤตเดิมเกี่ยวโยงกับคดี "บอสกระทิงแดง" และอีกหลายกรณี ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้กระทำความผิดเสียเอง สร้างแรงสั่นสะเทือนลดทอนความเชื่อมั่นให้กับประชาชน พล.ต.อ.สุวัฒน์ ได้ให้สัมภาษณ์สื่ออย่างหนักแน่นว่า "นิ้วไหนไม่ดีก็ต้องตัดทิ้งเป็นนิ้วๆ" เป็นการส่งสัญญาณเตือนนัยๆว่าไม่เลี้ยงคนผิดเปรียบเสมือนหมอที่ต้องผ่าตัดเนื้อร้ายทิ้งก่อนที่จะลุกรามไปทั่วร่างกาย และตั้งแต่เดือน ม.ค.-พ.ย. 64 สำนักงานตำรวจแห่งชาติไล่ตำรวจออกจากราชการ 166 นาย สั่งปลดจากราช 47 นาย ให้ออกจากราชการ 9 นาย รวม 222 นาย
2.พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผบ.ตร. ฉายา "เด่น ชิงดำ" โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ มีชื่อเล่นว่า "เด่น" ด้วยบุคลิกสุขุม นุ่มลึก บวกกับความสามารถจนเป็นที่ไว้วางใจทำให้ได้รับมอบหมายงานสำคัญ อาทิ การปราบปรามแก๊งซิ่งป่วนเมือง ,เป็นหัวหน้าศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมต่างๆ ที่สร้างความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน ตลอดจนภารกิจอื่นๆ เรียกได้ว่า ฉายแววโดดเด่นในเรื่องงาน เป็นอีกหนึ่งนายพลตำรวจที่น่าจับตามองว่าจะมาสานงานต่อ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ในการรับไม้ดูแลกรมปทุมวัน
3.พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รองผบ.ตร. และผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศพดส.ตร.) นรต.รุ่น 40 ฉายา "นายพล take me home" จากปัญหาบ่อนพนันภาคตะวันออก พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.เซ็นคำสั่งโยก พล.ต.ท.วีระ จีรวีระ ผบช.ภ.2 เข้ากรุ พร้อมส่ง พล.ต.อ.รอย รักษาการแทน หลังปล่อยให้มีบ่อนผุดขึ้นเต็มพื้นที่ราวกับดอกเห็ด และที่สำคัญ ยังเป็นต้นตอการแพร่เชื้อโควิด-19 จนนำไปสู่การจับกุม "หลงจู๊สมชาย"ในข้อหาจ้างวานฆ่าและฟอกเงินพร้อมอายัดทรัพย์สินที่คาดว่าได้มาจากการกระทำความผิด 665 รายการ มูลค่ากว่า 1,500 ล้านบาทไว้ตรวจสอบ
ล่าสุด พล.ต.อ.รอย ได้สนธิกำลังร่วมเจ้าหน้าที่สถานทูตไทย ประจำกรุงพนมเปญ บุกเข้าช่วยเหลือคนไทยในตึกใหญ่กลางเมืองพนมเปญ ประเทศกัมพูชา หลังถูกหลอกไปทำงานคอลเซ็นเตอร์ต้มตุ๋นคนไทยด้วยกันเองและถูกขังเยี่ยงทาสบังคับให้ทำงานเกือบ 20 ชั่วโมงต่อวันโดยสามารถพากลับสู่บ้านเกิดนับร้อยราย
4.พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วยผบ.ตร. ฉายา "โจ๊ก บิ๊กคัมแบ็ก" หลังจากที่ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ใช้ชีวิตแบบเงียบ ๆ เป็นข้าราชการพลเรือนสามัญตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ถึง 2 ปีเต็มโดยไม่มีใครคาดคิดว่าจะกลับเข้ามารับราชการเป็นตำรวจอีกครั้ง ด้วยการโอนกลับเข้ามาไปเป็นที่ปรึกษา สบ 9 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต่อมาเมื่อวันที่ 1 ต.ค.64 พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ กลับมาผงาดอีกครั้งในตำแหน่งหลักผู้ช่วยผบ.ตร.ด้วยอายุราชการเหลือ 10 ปี ทำให้คาดการณ์ว่าในปี 2565 จะขึ้นรอง ผบ.ตร. และอาจจะเป็น ผบ.ตร.ภายในวัย54-55 ปี อาจจะทำลายสถิติ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร.ที่ทำไว้ กึ่งทศวรรษ
5.พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ฉายา "สำราญ สำเร็จ" เป็นนายพลหนุ่มแห่ง นรต.รุ่น 50 ลูกหม้อนครบาลขนานแท้ ด้วยเคยเป็นเด็กวัด คอยเดินตามพระวัดโตนดหลวง จ.เพชรบุรี กินข้าวก้นบาตรทุกวัน จึงปลูกฝังนิสัยอ่อนน้อมถ่อมตนมีความมุ่งมั่น ผ่านงานสอบสวน สืบสวน ปราบปราม หรืองานสำคัญ เรียกว่าเก่งทั้งบู๊และบุ๋นทำงานสิ่งใดมักจะสำเร็จด้วยดี ทำให้ถูกวางตัวคุมทัพเมืองหลวง สานต่อภารกิจสำคัญ จัดการปัญหาอาชญากรรมในเมืองหลวงและทันทีที่ก้าวมารับตำแหน่ง พล.ต.ท.สำราญ เน้นหนักตำรวจนครบาลต้องดูแลความเดือดร้อนของประชาชนเป็นอันดับแรก และให้ความสำคัญเพื่อขับเคลื่อนการทำงาน ภายใต้แนวคิดที่ว่า "นครบาลใส่ใจ เพื่อความปลอดภัยของประชาชน" และด้วยความตั้งใจในการทำงาน ผนวกกับทีมงานข้างกายมากด้วยฝีมือทำให้บ่อยครั้งสามารถกวาดล้างอาชญากรรมได้อย่างสำเร็จ อาทิเช่น การปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์ ยาเสพติด อาวุธปืนหมายจับค้างเก่า คดีอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญ และคดีดังระดับประเทศอีกมากมาย
6.พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) ฉายา "จิรภพ ครบ เครื่อง" ถือเป็นนายพลหนุ่มไฟแรงที่ได้รับความไว้วางใจให้ดูหน่วยงานสำคัญ ผลงานที่ผ่านมาตั้งแต่สมัยอยู่กองปราบปราม นายพลหนุ่มคนนี้ได้พัฒนาหน่วยงานในทุกด้านให้มุ่งสู่มาตรฐานสากล และด้วยโปรไฟล์การศึกษา ที่จบปริญญาโทด้านการบริหารข้อมูลสารสนเทศ จากมหาวิทยาลัยเซ็นทรัลมิชิแกน สหรัฐ ปริญญาเอกวิทยาศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาธุรกิจเทคโนโลยีและการจัดการนวัตกรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และจบหลักสูตรเอฟบีไอรุ่นที่ 271 จากสหรัฐ และประสบการณ์สะสมในการทำงาน จนก้าวมาถึงตำแหน่งแม่ทัพสอบสวนกลาง เรียกได้ว่าครบเครื่อง
7.พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 (ผบช.ภ.5) ฉายา "มือปราบยานรก"ในปีที่ผ่านมา พล.ต.ท.ปิยะ ผลงานโดดเด่นในการทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงให้ตำรวจนครบาล ควบคู่กับการดำเนินคดีกลุ่มผู้เห็นต่างทางการเมือง จนผลงานเข้าตารัฐบาล จากเมืองกรุงส่งไปคุมพื้นที่ภาคเหนือตอนบนซึ่งเป็นพื้นที่ลำเลียงยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้านเข้าสู่จังหวัดชั้นในและภาคใต้ ถือว่าเป็นการสนองโยบาลรัฐบาลที่กำหนดให้การปราบปรามยาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ ก็ไม่ทำให้ผู้ใหญ่ผิดหวัง ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.-10 ธ.ค.64 สามารถจับกุมยาบ้าได้กว่า 44 ล้านเม็ด ยาไอซ์ 684,412 กก. เฮโรอิน 43,999 กก.กัญชาแห้ง 13,030 กก.กัญชาสด 622,209 กก.ฝิ่น19,363และยาเค41,001 กก.อายัดทรัพย์สินได้กว่า 21 ล้านบาท จนได้รับโล่การปราบปรามยาเสพติด ระดับดีเลิศ (อันดับ 1 ของประเทศ) จากท่านนายกรัฐมนตรี
8.พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) ฉายา "ไซเบอร์ แจงแรงแล้วจ้า" หลังจากปีที่แล้วทางสมาคมตั้งฉายา "แจง 5 จี" มาปีนี้ เดอะแจง ผลงานดีเร่งสปีดตั้งแต่ต้นปี คุมทัพนักรบไซเบอร์กวาดล้างอาชญากรรมเทคโนโลยีทุกรูปแบบ ไล่เรียงตั้งแต่ จับกุมจิ้งจอกสาว "พิยดา" ที่หลอกขายไอโฟนให้เด็กมัธยม,ไม่เว้นแม้แต่การปราบปรามขบวนการฉ้อโกง แอพเงินกู้ ออนไลน์ รวมทั้งจับกุม "น้องไข่เน่า พร้อมแฟนหนุ่ม" ที่ทำคลิปสยิวผ่านแพล็ตฟอร์ม โอนลี่แฟน รวมแล้วสามารถจับกุมได้ 4,167 ราย ผู้ต้องหา 4,870 คน โดยมียอดรวมมูลค่าความเสียหาย 7,741,490,643 บาท
9.พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 (ผบช.ภ.7) ฉายา "พยัคฆ์ร้ายคืนถิ่น" เป็นนายตำรวจฝีมือดีที่ทำงานเชิงรุกจนมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ได้รับความไว้วางใจดูแลพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 7 ที่มี 8 จังหวัด ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เคยดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ทำให้คุ้นชินพื้นทีเดินได้ทำงานต่อเนื่อง และทันทีที่พล.ต.ท.ธนายุตม์ ก้าวมาดำรงตำแหน่งสั่งกวาดล้างอาชญากรรม-สางคดีเก่า-ลอบเข้าเมืองผิด กม.จนสามารถปิดคดีสำคัญๆได้หลายคดี
10.พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผู้บังคับการสืบสวนนครบาล (ผบก.สส.บช.น.) ฉายา "อาจารย์นพ จบทุกจ็อบ" เรียกได้ว่าเป็นนักสืบยุค 5 จีจริงๆ มีผลงานเป็นที่ยอมรับมากมาย ด้วยประสบการณ์กว่า 24 ปี บนเส้นทางนักสืบได้ถ่ายทอดวิชาแก่นักสืบรุ่นหลังและบ่อยครั้งมักจะถูกดึงตัวมาอยู่ในชุดทีมคลี่คลายคดีสำคัญของ ผบ.ตร. หลายยุคหลายสมัยเห็นได้จากในสมัยที่พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีตผบ.ตร. เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ก็เรียกใช้ ผู้การนพ เป็นทีมงานคลี่คลายในหลายคดียาวมาถึง บิ๊กปั๊ด เป็นผู้นำหน่วย ผู้การนพ หรืออาจารย์นพ ก็ยังเป็นตัวหลักคดี "น้องชมพู่" นำไปสู่การจับกุม นายไชย์พล หรือลุงพล วิภา ปิดคดีสะเทือนขวัญฆ่าแหม่มนักท่องเที่ยวชาวสวิสพื้นที่ จ.ภูเก็ต และชุดไล่ล่ากดดันจน พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผกก.โจ้ อดีต ผกก.เมืองนครสวรรค์ จนต้องขอมอบตัว เรียกได้ว่ามีนพศิลป์ที่ไหนคดีต่างๆมักจะถูกคลี่คลาย