นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอนทั้งหมด 934 ราย ด้านสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโอมิครอนในประเทศแอฟริกาใต้ ยังคงมีอัตราการติดเชื้อที่สูง จากการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ดี ยังมีอัตราการเสียชีวิตที่ต่ำกว่าสายพันธุ์เดลตา เช่นเดียวกับประเทศสหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกาที่มีสถานการณ์ใกล้เคียงกัน
สำหรับความคืบหน้าของการฉีดวัคซีนในเด็กอายุ 5-11 ปี ปัจจุบันองค์การอาหารและยา (อย.) ได้อนุมัติการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ในเด็กแล้ว โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการนำเข้าวัคซีน อย่างไรก็ดี หากเด็กๆ ยังสามารถปฎิบัติตามมาตรการต่างๆ ได้อย่างครบถ้วน ก็จะมีความปลอดภัยจากการเชื้อทุกสายพันธุ์ได้
ด้านนพ.ทวีทรัพย์ ศิรประภาศิริ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค สธ. กล่าวว่า มาตรการการฉีดวัคซีนไม่ว่าเข็ม 1, 2 หรือ 3 มีความสำคัญมากในการป้องกันโควิดทุกสายพันธุ์ โดยเฉพาะสายพันธุ์ใหม่โอมิครอน ซึ่งสอดคล้องกับข้อปฎิบัติของมาตรการ VUCA คือ VACCINE วัคซีน ฉีดให้ครบ ลดป่วยหนัก, UNIVERSAL PREVENTION ป้องกันตลอดเวลา เว้นระยะห่าง ล้างมือ ใส่หน้ากากให้ถูกต้อง, COVID-SAFE LIVING ดำเนินชีวิตที่ปลอดภัย หลีกเลี่ยงสถานที่หนาแน่น ปิดอับ อยู่ใกล้ชิด ใช้เวลานาน และ ANTIGEN TEST KIT ตรวจการติดเชื้อเมื่อสงสัย หรือมีอาการ และก่อน-หลังการร่วมกิจกรรมที่มีโอกาสเสี่ยง
"ทุกคนสามารถเฉลิมฉลองปีใหม่ เดินทางกลับบ้าน และใช้ชีวิตตามปกติได้ แต่ต้องใช้ชีวิตตามมาตรการ VUCA เพื่อความปลอดภัยจากการติดเชื้อโควิด-19 ทุกสายพันธุ์ และเพื่อไม่ให้สถานการณ์การติดเชื้อในบ้านเราเพิ่มสูงขึ้นหลังช่วงปีใหม่" นพ.ทวีทรัพย์ กล่าว