พล.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ เปิดเผยว่า หลังรับทราบ รายงานสรุปผลการปฏิบัติงานด้านการป้องกันและลักลอบค้ายาเสพติด ปี 64 ที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอบคุณฝ่ายความมั่นคง ทั้งทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และ ป.ป.ส. รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชน ที่ร่วมให้เบาะแสและกล้าเปิดเผยข้อมูลกันมากขึ้น นำไปสู่การสกัดกั้น กวาดล้างและจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดได้จำนวนมากอย่างต่อเนื่องที่ผ่านมา
โดยสามารถจับกุมผู้เกี่ยวข้องได้กว่า 325,000 คน เป็นผู้ผลิตถึง 10,619 คน ยึดยาเสพติดได้จำนวนมาก เป็นยาบ้า 590,709,505 เม็ด ไอซ์ 21,841 กก. กัญชา 81,251 กก. เฮโรอีน 3,314 กก. ยาอี 581,882 เม็ด ฝิ่น 521 กก. เคตามีน 1,030 กก. และโคเคน 37 กก. สามารถขยายผลนำสู่การยึดทรัพย์ผู้กระทำผิดด้านยาเสพติด ได้ทั้งสิ้น 6,709,514,999 บาท
อย่างไรก็ตามในห้วงปี 64 ( ม.ค.-ธ.ค.64) แม้มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ภาพรวมและแนวโน้มสถานการณ์ยาเสพติด ยังมีความรุนแรงอยู่ จากความต้องการของผู้เสพ ทั้งในและต่างประเทศที่ยังมีความต้องการสูง กลุ่มขบวนการค้ายาเสพติด ยังคงเร่งผลิตในประเทศเพื่อนบ้านและลักลอบนำเข้าไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ ยาบ้า ไอซ์ เฮโรอีน จากแหล่งผลิตของกลุ่มชาติพันธุ์ในพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้าน ลำเลียงเข้าไทยด้วยกองกำลังติดอาวุธเดินเท้าเข้าไทยผ่านช่องทางธรรมชาติ สู่พื้นที่พักคอยตามหมู่บ้านแนวชายแดนภาคเหนือ และมีการเปลี่ยนเส้นทางลักลอบนำเข้าไทยด้านตะวันออกเฉียงเหนือมากขึ้นต่อเนื่อง ผ่านยานพาหนะชนิดต่างๆจำนวนมากในแต่ละครั้ง โดยมุ่งเข้าพื้นที่พักคอยภาคกลาง เช่น พระนครศรีอยุธยา สระบุรี ปทุมธานี นนทบุรี และ กรุงเทพมหานคร เป็นส่วนใหญ่
นอกจากนั้น ขบวนการค้ายาเสพติดมีการพัฒนาขยายเครือข่ายในวงกว้างมากขึ้นโดยมีกลุ่มเยาวชน ผู้ตกงาน ผู้เสพ ผันตัวมาเป็นนักค้ายาเสพติดในชุมชน มีการสั่งซื้อยาเสพติดผ่านสื่อออนไลน์และนิยมใช้ระบบขนส่งทางพัสดุภัณฑ์มากขึ้น โดยเฉพาะเฮโรอีน กัญชาและไอซ์ มีการลักลอบขนส่งออกไปยังต่างประเทศผ่านเส้นทางเรือ โดยซุกซ่อนดัดแปลงไปกับสินค้ารูปแบบต่างๆ
พล.อ.ประวิตร ยังได้กล่าวแสดงความเสียใจและเป็นกำลังใจกับครอบครัวของเจ้าหน้าที่หลายนายที่บาดเจ็บและเสียชีวิต ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ที่ผ่านมา โดยขอให้หน่วยงานต้นสังกัดให้การช่วยเหลือดูแลครอบครัวผู้เสียสละอย่างเต็มกำลังต่อเนื่องกันไป พร้อมย้ำว่า ปัญหายาเสพติด ถือเป็นวาระแห่งชาติที่รัฐบาลให้ความสำคัญติดตาม ขับเคลื่อนแก้ปัญหามาตลอด ซึ่งต้องการความร่วมมือสูงสุดจากทุกหน่วยงาน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาชน ร่วมขับเคลื่อนทั้งป้องกันและแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่องจริงจังไปด้วยกัน
พร้อมย้ำ ขอให้ฝ่ายความมั่นคงและ ป.ป.ส. เฝ้าระวังยาเสพติดช่วงปีใหม่ ร่วมกันทำให้สังคมปลอดยาเสพติดในปี 65 โดยให้ความสำคัญ ทั้งมาตราการป้องกันและแก้ปัญหายาเสพติดไปพร้อมๆกัน โดยต้องประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ทำลายสารตั้งต้นและแหล่งผลิตนอกประเทศที่ยังมีอยู่ ร่วมเข้มงวดสกัดกั้นลักลอบลำเลียงนำเข้าไทยจากประเทศเพื่อนบ้าน และไม่ยอมให้ใช้ไทยเป็นเส้นทางลำเลียงผ่าน โดยต้องไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐรู้เห็นเป็นใจเด็ดขาด ทั้งนี้ขอให้ฝ่ายปกครองท้องถิ่น เข้ามาร่วมสร้างและประเมินความเข้มแข็งที่ยั่งยืนของชุมชนสีขาวตามแนวชายแดนและชุมชนพื้นที่เสี่ยงให้เป็นรูปธรรม โดยดึงและเปิดให้ภาคประชาชน มีส่วนร่วมแก้ปัญหาระดับพื้นที่มากขึ้น เพื่อนำสู่การทำลายโครงสร้างขบวนการค้ายาและลดความต้องการยาเสพติดระดับพื้นที่ พร้อมกับร่วมบำบัดฟื้นฟูและช่วยเหลือให้โอกาสทางสังคมกับผู้เสพที่ผ่านการบำบัด มิให้เกิดปัญหากลับไปเสพซ้ำ
พล.อ.ประวิตร ยังได้ย้ำถึงผลกระทบจากปัญหายาเสพติด ซึ่งนำไปสู่ปัญหาอาชญกรรมลูกโซ่ ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินประชาชน จึงได้กำชับตำรวจ ให้ปฏิบัติการกวาดล้าง จับกุมเครือข่ายขบวนการค้ายาเสพติดในทุกพื้นที่ต่อเนื่องกันไป โดยให้ขยายผลไปสู่การยึดทรัพย์รายใหญ่และผู้เกี่ยวข้องทุกราย โดยเฉพาะเข้มงวดกวดขันสถานบันเทิงและแหล่งอบายมุขในพื้นที่ เพื่อกันเด็กและเยาวชนไม่ให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับวงจรอุบาทว์ของมหันตภัยยาเสพติด