นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติรับทราบรายงานผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity and Transparency Assessment: ITA) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 โดยมีหน่วยงานภาครัฐ จำนวน 8,300 แห่งทั่วประเทศ เข้าร่วมการประเมิน ITA พบว่า มีคะแนนเฉลี่ยในภาพรวมของประเทศเท่ากับ 81.25 คะแนน สูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา 13.35 คะแนน และมีจำนวนหน่วยงานภาครัฐที่มีผลการประเมิน ITA ผ่านค่าเป้าหมายตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นที่ 21 การต่อต้านการทุจริต และประพฤติมิชอบฯ 4,146 หน่วยงาน หรือ 49.95% สูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา 36.76%
ทั้งนี้ในปีนี้หน่วยงานภาครัฐส่วนใหญ่ได้เข้าสู่องค์กรที่มีคุณธรรมและความโปร่งใสตามหลักเกณฑ์การประเมิน ITA ในระดับค่อนข้างสูง โดยอยู่ที่ระดับ A ถึง 26.22% โดยมีข้อเสนอแนะเชิงกลยุทธ์เพื่อการพัฒนาคุณธรรมความโปร่งใสของภาครัฐสู่มาตรฐาน ในระดับ A และ AA ในระดับนโยบาย โดยมุ่งเน้นการรักษาแนวปฏิบัติที่ดีไว้และต่อยอด ขยายผลการเปิดเผยข้อมูลของภาครัฐ รวม 5 ข้อ ดังนี้
1. เร่งส่งเสริมสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาต่อยอดองค์ความรู้และทักษะ การเปิดเผยข้อมูลภาครัฐ การป้องกันการทุจริต และการให้บริการสาธารณะ ทางเว็บไซต์ของหน่วยงานให้มีคุณภาพและเป็นไปตามมาตรฐานการประเมินที่กำหนด
2. ส่งเสริมสนับสนุนและให้คำแนะนำในด้านกระบวนการบริหารจัดการภายในหน่วยงานแก่ อปท. ทั้งนี้ ตามขอบเขตอำนาจหน้าที่ซึ่งระบุไว้ในกฎหมายจัดตั้ง อปท. แต่ละประเภท
3. ขับเคลื่อนการแก้ไขร่าง พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสารของราชการ (ฉ. ..) พ.ศ. .... ให้สอดคล้องกับหลักการที่กำหนดไว้ใน รธน. เพื่อยกระดับการเปิดเผยข้อมูลหรือข่าวสารสาธารณะในครอบครองของหน่วยงานภาครัฐให้เป็นหน้าที่หลักที่ต้องปฏิบัติ
4. ให้หน่วยงานที่กำกับดูแลการปฏิบัติราชการของหน่วยงานภาครัฐดำเนินการกำกับติดตามการประเมิน ITA และผลักดันให้หน่วยงานภายใต้กำกับดูแลดำเนินการให้เป็นไปตามแนวทางการประเมิน ITA
5. ให้ความร่วมมือและเข้าร่วมการประเมิน ITA ในปีงบฯ 2565 - 2570 โดยการกำหนดกลุ่มเป้าหมายหน่วยงานภาครัฐที่เข้าร่วมการประเมิน ITA แนวทางการประเมิน ITA และเครื่องมือการประเมิน ITA ให้เป็นไปตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติกำหนด ทั้งนี้ การประเมิน ITA สะท้อนให้เห็นว่าประชาชนและเจ้าหน้าที่ของรัฐมีการตื่นตัวต่อประเด็นการต่อต้านการทุจริตมากยิ่งขึ้น รวมถึงมีความกล้าที่จะแสดงความคิดเห็นต่อการปฏิบัติงานและการให้บริการภาครัฐเพื่อนำไปสู่การปรับปรุงพัฒนาให้มีประสิทธิภาพและมีความโปร่งใสมากยิ่งขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของนายกรัฐมนตรีและเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญไทยฉบับปัจจุบัน
นายธนกร กล่าวว่า นายกรัฐมนตรียังมอบหมายให้หน่วยงานหาแนวทางปิดจุดอ่อนกระบวนการทุจริตที่ผ่านมามีกระบวนการ "สมยอม" ทั้งผู้รับและผู้ให้ โดยปลัดกระทรวง ซึ่งเป็นผู้บริหารสูงสุดต้องร่วมรับผิดชอบ รวมทั้งสมาคมภาคเอกชน ทั้งสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ต้องร่วมมือกัน ส่งเสริมการให้ข้อมูลที่โปร่งใสด้วย
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังย้ำว่า การปราบปรามการทุจริต สร้างโปร่งใส เป็นเป้าหมายสำคัญของรัฐบาล ด้วยการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงคดีทุจริตที่เพิ่มขึ้น ไม่ใช่เพราะมีการทำผิดมากขึ้น แต่เป็นผลจากความเอาจริงเอาจังของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลในการบังคับใช้กฎหมาย ทำให้ที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2557 - ปัจจุบัน มีคดีทุจริตทั้งนักการเมือง ส.ส. ข้าราชการ เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมถูกตัดสินจำคุก ที่สำคัญ คือ พยายามแก้วัฒนธรรม "ต่างตอบแทน" ในสังคมไทยให้ได้ เพราะนายกรัฐมนตรี ยืนยัน ไม่ว่าคนรวยคนจน หากทำผิดต้องติดคุก พร้อมกำหนดค่าเป้าหมายให้หน่วยงานภาครัฐในปี 2565 มีผลการประเมินผ่านเกณฑ์ 85 คะแนนขึ้นไป หรือไม่น้อยกว่า 80%