นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า สถานการณ์โรคโควิด-19 ของประเทศไทยวันนี้ (5 ม.ค. 65) มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3,899 ราย รักษาหาย 2,508 ราย และเสียชีวิต 19 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 34,877 ราย จำนวนนี้เป็นผู้ป่วยปอดอักเสบ 541 ราย และใส่เครื่องช่วยหายใจ 149 ราย พบผู้ติดเชื้อมาจากต่างประเทศ 169 ราย
สำหรับการติดเชื้อภายในประเทศพบลักษณะเป็นกลุ่มก้อน โดยเฉพาะร้านอาหารกึ่งผับ ร้านหมูกระทะ และสถานบันเทิง ที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรการ COVID Free Setting ในหลายจังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ พะเยา อุบลราชธานี ขอนแก่น ชลบุรี มหาสารคาม และอุดรธานี นอกจากนี้ ยังพบการติดเชื้อที่เกี่ยวข้องกับตลาด เรือนจำ โรงงาน สถานประกอบการ ถนนคนเดิน แคมป์คนงาน งานศพ งานแต่ง และงานเลี้ยงปีใหม่
ทั้งนี้ ช่วงหลังเทศกาลปีใหม่สถานการณ์เริ่มเป็นไปตามที่คาดการณ์ คือ ผู้ป่วยอาการหนักและเสียชีวิตลดลง แต่พบสัญญาณผู้ติดเชื้อมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะจังหวัดท่องเที่ยวและจังหวัดที่มีผู้เดินทางกลับภูมิลำเนาจำนวนมาก จึงขอให้ประชาชนที่กลับจากการเดินทางช่วงปีใหม่เฝ้าระวังสังเกตอาการตนเอง 14 วัน ขอให้หน่วยงานและสถานประกอบการต่างๆ เน้นการทำงานที่บ้าน (Work From Home : WFH) หรือตรวจ Antigen Test Kit (ATK) หากต้องกลับเข้าปฏิบัติงาน
กรณีพบผลตรวจเป็นบวก จะดูแลด้วยระบบการรักษาที่บ้านหรือชุมชน (Home Isolation : HI/ Community Isolation : CI) ไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล เนื่องจากผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ไม่มีอาการ หรือมีอาการน้อย ซึ่งเป็นผลจากการได้รับวัคซีน ทำให้ช่วยลดอาการรุนแรงและเสียชีวิตได้ ขณะที่เชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอนมีความรุนแรงลดลงจากสายพันธุ์เดลตา ซึ่งช่วงที่สายพันธุ์เดลตาระบาดก็ใช้มาตรการ HI/CI ดูแลรักษาได้ผลดี
"ผู้ที่มีผลตรวจ ATK เป็นบวก สามารถโทรสายด่วน สปสช. 1330 เพื่อแจ้งข้อมูลและขอรับการดูแลภายใต้ระบบ HI/CI ซึ่งจะได้รับการติดต่อกลับจากสถานพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการภายใน 6 ชั่วโมง และได้รับยา อุปกรณ์ และอาหาร 3 มื้อ ในการดูแลอย่างครบถ้วน ซึ่งสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) รายงานว่า ขณะนี้มีผู้โทรศัพท์เข้าสายด่วน 1330 ประมาณ 4 พันสาย แต่เป็นการติดต่อเกี่ยวกับโควิดเพียงประมาณ 100 กว่าสายเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เพื่อรองรับการพบผู้ติดเชื้อที่อาจมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น สปสช. จึงได้เพิ่มคู่สายรองรับการให้บริการประชาชนแล้ว และพร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง" นพ.เกียรติภูมิ กล่าว
นอกจากนี้ ขอให้ประชาชนมารับวัคซีน ทั้งผู้ที่ยังไม่เคยได้รับ และผู้ที่ถึงเวลารับเข็มกระตุ้นตามที่กำหนด เพื่อลดความเสี่ยงอาการหนักและเสียชีวิต และใช้มาตรการป้องกันตนเองขั้นสูงสุด โดยเฉพาะการสวมหน้ากากตลอดเวลา ล้างมือ และเว้นระยะห่าง รวมถึงงดไปสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้อ ซึ่งหากพบสถานที่ที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรการ ขอให้แจ้งฝ่ายปกครองในพื้นที่ เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย