นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนติดต่อง่าย ประกอบกับการสนุกสนานรื่นเริง และหยุดยาวช่วงปีใหม่ ดังนั้น ผลที่จะพบผู้ป่วยมากขึ้นในช่วงต่อจากนี้ไป ไม่ใช่เรื่องแปลก
"ผมอยู่กับห้องปฏิบัติการ การตรวจทางห้องปฏิบัติการ 2 - 3 วันนี้ รู้แล้วว่าตัวเลขและอัตราการตรวจพบโควิด-19 เพิ่มขึ้นมากๆ ผู้ป่วย ผู้ติดเชื้อ นับจากนี้ต่อไปจะเริ่มพุ่งขึ้นสูงอย่างแน่นอน จะขึ้นสูงแค่ไหน ก็คงขึ้นอยู่กับการปฏิบัติต่อจากนี้ ที่ทุกคนจะต้องร่วมมือกันลดจำนวนตัวเลขให้อยู่ในระดับที่ระบบสาธารณสุขรองรับได้ อัตราการป่วยรุนแรง และเสียชีวิต เมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนผู้ป่วย จะน้อยกว่า ช่วงการระบาดของเดลตา" นพ.ยง ระบุ
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญขณะนี้ จะต้องเร่งกระตุ้นวัคซีนเข็มที่ 3 ให้ได้มากที่สุดและอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง 608 รู้กันดีว่าอายุเกิน 60 และหรือมีโรคเรื้อรัง 8 โรค เพื่อลดความรุนแรงให้ได้
การดูแลรักษา จะรับผู้ป่วยที่มีอาการมากเข้าโรงพยาบาล ในกลุ่มสีเขียว จำเป็นที่จะต้องแยกตัวที่บ้าน หรือในชุมชนที่จัดไว้ community isolate เพื่อเป็นการลดการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์จะได้มีเวลาไปดูแลผู้ป่วยที่มีอาการมาก
นพ.ยง ระบุต่อว่า จากข้อมูลของมหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์ จะเห็นว่าการระบาดของทั่วโลกเกิดขึ้นเป็น 4 ระลอก เมื่อเปรียบเทียบอัตราป่วยตาย จะเห็นว่าอัตราป่วยตายมีแนวโน้มลดลง ถ้าเริ่มจากปีแรกอัตราป่วยตายถึง 3-5% พอเข้าสู่ปีที่ 2 เริ่มลดลงเหลือ 2% และมีแนวโน้มลดลงมาโดยตลอด จนมาถึงระลอกของโอมิครอนที่กำลังระบาดอยู่ขณะนี้ อัตราการป่วยตายอยู่ที่ 0.3% และก็หวังว่าจะลดลงอีก
สำหรับอัตราการเสียชีวิตในช่วงระบาดของเดลตาของประเทศไทยน้อยกว่าเกณฑ์เฉลี่ยของทั่วโลก อัตราการป่วยตาย อยู่ที่ประมาณ 1% และหวังว่าในช่วงการระบาดของโอมิครอน ก็น่าจะลดลงกว่าเกณฑ์เฉลี่ยของทั่วโลก และถ้าเป็นไปได้ ถ้าทั่วโลกอัตราการป่วยตายเหลือน้อยกว่า 0.1% หรือหนึ่งในพัน ก็จะเข้าสู่ยุคของโรคทางเดินหายใจประจำฤดูกาล ที่จะสร้างปัญหาส่วนใหญ่ให้กับกลุ่มเสี่ยง และกลุ่มเปราะบาง อย่างเช่นไข้หวัดใหญ่