นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข กล่าวภายหลังประชุมคณะผู้บริหารกระทรวงฯ ว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 หลังเทศกาลปีใหม่ที่มียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นเป็นเรื่องที่คาดการณ์ไว้แล้ว และมีแผนจัดการในหลายระดับของความรุนแรงของการระบาด โดยได้ปรับมาตรการทุกด้าน เช่น มาตรการการคัดกรอง การควบคุมโรค การแยกกักตัว
โดยทางกรมควบคุมโรค จะยกระดับบางพื้นที่ให้ขึ้นเป็นสีส้ม ซึ่งจะมีการจำกัดการบริโภคของมึนเมา นอกจากนั้นก็ยังมีเรื่อง Test&Go ที่ผู้ลงทะเบียนไว้ต้องกลับมาในเวลาที่กำหนด และต้องปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด
"เรากำลังจัดการปัญหาเรื่องนี้อยู่ ล่าสุดได้เสนอให้เลื่อนกำหนดในการเข้าประเทศไทยจากวันที่ 10 ม.ค.65 ไปเป็นวันที่ 15 ม.ค.65 แทน"
ปัจจุบันเรากำลังเจอปัญหาเรื่องการประกันที่นักเดินทางซื้อเข้ามา แม้จะบอกว่ามีเงินคุ้มครอง 5 หมื่นดอลลาร์ แต่ในทางปฏิบัติจริงการประกันกลับมีเงื่อนไขมากมายที่ไม่สามารถทำได้จริงหากพบว่าติดเชื้อ ทางภาครัฐก็รับรักษาตามหลักมนุษยธรรมแน่นอน ณ จุดนี้ ต้องคัดกรองนักท่องเที่ยว เราต้องเลือกนักท่องเที่ยวคุณภาพ เพื่อความปลอดภัยของประเทศ
"กระทรวงสาธารณสุข เราพร้อมทำงานเพื่อสุขภาพของประชาชน อย่างไรก็ตามข้อเสนอของ สธ.ก็ขอให้ได้รับการพิจารณา การที่เราเสนอไปในหลายๆ เรื่อง ไม่ใช่ว่าเราขี้เกียจ หรือไม่อยากทำงาน แต่เราเป็นห่วงคนไทย เป็นห่วงสุขภาพของท่าน" นายอนุทิน กล่าว
สำหรับจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มมากขึ้นก็ต้องสังเกตและวิเคราะห์ในรายละเอียดว่า ผู้ติดเชื้อดังกล่าวมีอาการเป็นอย่างไรบ้าง มีอาการหนักเท่าไร ต้องใช้ห้องไอซียูเท่าไร ซึ่งหวังว่าจะไม่เพิ่มขึ้นมากนักเพราะได้ฉีดวัคซีนแล้ว การระบาดระลอกนี้ต้องขอเวลาประมาณ 7-10 วัน เพื่อดูรายละเอียดที่ชัดเจน อาทิ วันนี้ป่วยไป 5.7 พันราย แต่ความสูญเสียไม่ถึง 20 ราย ในอนาคตอัตราส่วนจะยังคงที่หรือเพิ่มขึ้น เราอยู่กับข้อมูล และปรับแผนต่อเนื่องให้ทันกับสถานการณ์ของโรค
สำหรับการรักษาขอให้เป็นดุลย์พินิจของแพทย์ ถ้าอาการไม่รุนแรงแล้วแพทย์ให้กักตัวที่บ้านก็ต้องเข้าใจ เพราะเราต้องเตรียมอุปกรณ์และทรัพยากรอื่นไว้รักษาผู้ที่มีอาการปานกลางไปจนถึงหนัก เพื่อจำกัดยอดความสูญเสียให้ได้มากที่สุด ส่วนเรื่องมาตรการขอย้ำว่าเราคำนึงถึงในทุก มิติ