นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า สถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทยขณะนี้มีทั้งสายพันธุ์เดลตาและโอมิครอน แนวทางการแก้ไขปัญหาจึงต้องค่อยๆ ยกระดับมาตรการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยหวังว่าจะไม่ต้องล็อกดาวน์กันอีกรอบ การระบาดที่เกิดขึ้นมีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก แต่ไม่แสดงอาการไปจนถึงมีอาการน้อย ส่วนหนึ่งเพราะติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนที่ไม่รุนแรงไปกว่าเดลตา และคนไทยได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึงแล้ว
ปัจจุบันพยายามให้มีจุดวอล์คอินในการรับบริการฉีดวัคซีนให้มากที่สุดเพื่ออำนวยความสะดวกประชาชน เพราะทราบกันดีว่า วัคซีนช่วยป้องกันการป่วยหนักและเสียชีวิต ส่วนการรักษาผู้ป่วยจะนำประสบการณ์มาปรับใช้ หากไม่แสดงอาการหรือมีอาการน้อยมากก็มีระบบกักตัวที่บ้าน และในชุมชน มีแพทย์คอยดูแลอาการผ่านระบบการสื่อสารทางไกล หากมีอาการปานกลางให้เข้าสู่ระบบของโรงพยาบาลสนาม แต่หากป่วยหนักก็ต้องเข้าโรงพยาบาลที่มีเครื่องมือพร้อม ทุกอย่างให้เป็นไปตามดุลย์พินิจของแพทย์
"ผู้ที่ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนมีอัตราป่วยหนักน้อยมาก แต่อย่าลืมว่าสายพันธุ์ที่ระบาด ณ ปัจจุบัน นอกจากโอมิครอนที่พูดถึงกันมาก เดลตาก็ยังระบาดอยู่ด้วย ตรงนี้ต้องระวัง เพราะสายพันธุ์เดลตาถือว่าเป็นสายพันธุ์ที่มีความรุนแรง ประชาชนก็ต้องยกการ์ดสูงเอาไว้ก่อน" นายอนุทิน กล่าว
ส่วนกรณีที่การประเมินยอดผู้ติดเชื้ออาจจะสูงกว่า 3 หมื่นคนต่อวันนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ตัวเลข 3 หมื่นคือการประเมินในกรณีที่ทุกคนการ์ดตก ประชาชนคนไทยไปจนถึงภาครัฐไม่ทำอะไรเลย แต่ปัจจุบันมาตรการต่างๆ กำลังทยอยออกมา และคนไทยให้ความร่วมมือ ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องชื่นชมกับคนไทยทุกคนที่ใช้ชีวิตอย่างมีวินัย และคิดถึงส่วนร่วม