นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ 1/2565 ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการฯ เป็นประธาน มีมติ
- ให้ปรับระดับพื้นที่สีสถานการณ์เป็นระดับสีส้มหรือพื้นที่ควบคุมทั่วประเทศ 69 จังหวัด ส่วนพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวหรือพื้นที่สีฟ้า 8 จังหวัดได้แก่กรุงเทพมหานคร กาญจนบุรี กระบี่ ชลบุรี นนทบุรี ปทุมธานี พังงาและภูเก็ต โดยเริ่มตั้งแต่ 9 ม.ค.นี้
ทั้งนี้ในพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว (สีฟ้า) สามารถดื่มสุราในร้านอาหารได้แต่จำกัดเวลาได้ไม่เกิน เวลา 21.00 น. โดยจะต้องเป็นร้านอาหารที่ผ่านมาตรการ SHA+ หรือ Thai Stop Covid 2 Plus เท่านั้น และหากดำเนินการไม่ถูกต้อง สามารถสั่งปิดร้านได้ และให้ดำเนินคดี และพักใบอนุญาติอย่างจริงจัง
ส่วนพื้นที่ควบคุม (สีส้ม) ไม่มีการห้ามออกนอกเคหะสถาน กิจการและกิจกรรมยังเปิดดำเนินการตามปกติ แต่ห้ามการบริโภคสุราและ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้าน
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ส่วนการปรับมาตรการป้องกันควบคุมโควิด-19 สำหรับทุกระดับพื้นที่ ให้มีการขยายระยะเวลาทำงานจากที่บ้าน(WFH) ออกไปจนถึงวันที่ 31 ม.ค.65 โดยจะต้องไม่กระทบต่อบริการ ประชาชน และการดำเนินงานขององค์กร
สำหรับสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ จากเดิมที่กำหนดเปิดในวันที่ 16 ม.ค. 65 นั้น ต้องขอเลื่อนออกไปก่อน ยังไม่สามารถเปิดได้ในขณะนี้ แต่สถานบันเทิงต่างๆ สามารถปรับเปลี่ยนเป็นรูปแบบร้านอาหารได้
- ให้ปรับมาตรการป้องกันควบคุมโรค โควิด-19 สำหรับการเดินทางเข้าราชอาณาจักร
ที่ประชุมศบค.เห็นชอบการปรับมาตรการป้องกันควบคุมโรค โควิด-19 สำหรับการเดินทางเข้าราชอาณาจักรโดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬานำเสนอ ซึ่งพบว่านักท่องเที่ยวที่เข้ามาในระบบ Test&Go ที่เข้ามาติดเชื้ออยู่ภายในประเทศพอสมควร จึงมีการชะลอไม่ให้มีการลงทะเบียนเพิ่มเติม ซึ่งในช่วงวันที่ 1-15 ม.ค.ลงทะเบียน 34,801 ราย เข้ามาจริง 10,440 ราย และมีการประมาณการว่าในวันที่ 16-31 ม.ค.เข้ามาอีกประมาณ 4,900 ราย ซึ่งตัวเลขรวมกันในเดือนม.ค.ที่ตกค้างเหลืออยู่ที่ประมาณ 15,000 ราย
ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบระงับการลงทะเบียนประเภท ระบบ Test&Go ออกไปก่อน สำหรับผู้ได้รับการอนุมัติแล้วและเดินทางเข้ามาภายหลังวันที่ 15 ม.ค.นี้ โดยจะมีการประเมินสถานการณ์และพิจารณาอีกครั้ง เนื่องจากอาจเกิดผลกระทบต่อการท่องเที่ยวและการเดินทางของผู้ที่พำนักในประเทศแล้วเดินทางไปต่างประเทศ ทั้งนี้ ต่างประเทศมีการยกเลิกเที่ยวบินและการเดินทางเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ ที่ประชุมศบค.มีมติยกเลิกการกำหนดกลุ่มประเทศเสี่ยงในการเข้าราชอาณาจักร คือ ประเทศในทวีปแอฟริกา(กักตัว) และ 8 ประเทศในทวีปแอฟริกา (ไม่อนุญาตให้เข้ามา) เนื่องจากการติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนไม่ใช่แค่ทวีปแอฟริกาแล้ว แต่มาจากทุกที่ จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกำหนดกลุ่มเสี่ยง
อีกทั้ง ศบค.มีมติเห็นชอบเพิ่มอีก 3 จังหวัดเป็นแซนด์บ็อกซ์ คือ 1.เกาะสมุย เกาะพงัน เกาะเต่า จ.สุราษฏร์ธานี 2.พังงา (ทั้งจังหวัด) 3.กระบี่ (ทั้งจังหวัด) โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ได้ให้คำยืนยันในที่ประชุมศบค. ว่า นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่แซนด์บ็อกซ์มีความปลอดภัยแน่นอนโดยเฉพาะการลงเครื่องมาจากต่างประเทศ เพราะมีมาตรการกำกับดูแลตั้งแต่ต้นทางและปลายทาง
ทั้งนี้ ที่ประชุมศบค.เห็นชอบเลื่อนการเปิดดำเนินการพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวเพิ่มอีก 5 จังหวัด คือ ตราด (คลองใหญ่) สระแก้ว (อำเภอเมืองและอรัญประเทศ) มุกดาหาร (อำเภอเมือง และบึงกาฬ) นครพนมและอุบลราชธานี (อำเภอเมืองและสิรินธร) โดยจะขอประเมินสถานการณ์อีกครั้ง
- แผนบริหารจัดการวัคซีนในปี 65
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข เสนอแผนบริหารจัดการวัคซีน ดังนี้ ผู้มีอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไปที่ยังไม่เคยได้รับการฉีดวัคซีน สามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนแบบ Walk-in ได้ ตามสถานพยาบาลที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กรุงเทพมหานครกำหนดไว้
ส่วนผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์ หรือผู้ที่เคยติดเชื้อทุกราย จะได้รับการฉีดวัคซีนกระตุ้นตามแนวทางที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศให้ใช้ ภายใต้คำแนะนำที่มีผลงานทางวิชาการรองรับ และกลุ่มเป้าหมายอายุ 5-12 ปี สามารถได้รับการฉีดวัคซีนได้ตามความสมัครใจของเด็กและผู้ปกครอง
สำหรับข้อเรียกร้องให้มีการฉีดวัคซีนได้ผิวหนังนั้น นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สามารถทำได้ แต่ต้องเป็นไปตามดุลพินิจของแพทย์ และเป็นไปตามความสมัครใจของผู้รับวัคซีน นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้อนุมัติจัดซื้อยาต้านไวรัสแพกซ์โลวิด 5 หมื่นชุด
ทั้งนี้ ศบค.ยืนยันว่า ที่ประชุมวันนี้ไม่ได้มีข้อคำสั่งหรือข้อปฎิบัติ ไม่ให้เดินทางข้ามจังหวัดหรือปิดกิจการใดๆ ยังสามารถเดินทางได้ปกติ ทั้งทางรถยนต์ หรือ ทางเครื่องบิน แต่หากไม่มีความจำเป็นก็ไม่ควรเดินทาง